หาดทิพย์ ผู้ผลิตและจำหน่าย โคคา โคลา ภาคใต้ ทำยอดขายนิวไฮรอบ 5 ปี (วิเคราะห์)

หาดทิพย์ บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมรายใหญ่ภายใต้เครื่องหมายการค้า ‘โคคา-โคลา’ ในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด จากเดอะ โคคา-โคล่า คัมปะนี (ประเทศสหรัฐอเมริกา)

ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ถือเป็นตลาดที่ต้องจับตามองเพราะเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ ด้วยมูลค่า 70,000 ล้านบาท โดยเฉพาะเมืองร้อนอย่างไทย ที่ต้องเติมความซ่าดับกระหายในช่วงซัมเมอร์ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์น้ำซ่าขายดี โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนนี้

และเครื่องดื่มประเภทนี้จะยิ่งมีการบริโภคมากในพื้นที่ท่องเที่ยว ภาคใต้ของไทยที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวกระจุกตัวอยู่มากกว่าทุกภาค ประกอบกับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร เปิดให้บริการหลายแห่ง จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ช่วยให้ โคคา-โคล่า เกาะบัลลังก์แชมป์ตลาดเครื่องดื่มได้อย่างเหนียวแน่น

ข้อมูลการดื่มน้ำอัดลมของโซนใต้เฉลี่ยอยู่ที่ 154 ขวดต่อคนต่อปี และหาดทิพย์มีส่วนแบ่งตลาด 79.3% ในตลาดน้ำอัดลมภาคใต้

พลตรีพัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พื้นที่ภาคใต้ฟื้นตัวได้เร็ว และมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากกว่าภาคอื่นของประเทศ เป็นตัวเร่งให้หาดทิพย์กลับมามียอดขายรวมมากกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนอกจากปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยว ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 154% เมื่อเทียบกับปีก่อนแล้วนั้น  ประกอบกับการปรับราคาสินค้าบางขนาดเพิ่มราว 6% ในช่วงสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมทั้งเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต

ส่งผลให้การดำเนินงานปี 2566 ยอดขายรวม 7,806 ล้านบาท สูงสุดในรอบห้าปี โตจากปีก่อนหน้า 13.6% กำไรสุทธิรวม 598 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.8%

สำหรับปี 2567 บริษัทตั้งเป้าเติบโตด้านรายได้ 6-8% Gross Profit Margin 40% เนื่องจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ภาคใต้ยังคงมีแนวโน้มสดใส

“ครึ่งปีแรกคือไฮซีซันที่หาดทิพย์ต้องเร่งกอบโกย เนื่องจากเป็นช่วงซัมเมอร์ ที่ประกอบด้วยเทศกาลสงกรานต์ที่กระตุ้นการท่องเที่ยว ยอดขายเฉพาะในช่วงไฮซีซันสำหรับปี 2567 นี้ บริษัทคาดว่าจะเติบโตจากช่วงปกติราว 5-6%”

 

กลยุทธ์การดำเนินงานปี 2567

การโฟกัสผลิตภัณฑ์ขวดแก้วชนิดคืนขวด ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ที่หาดทิพย์มีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าคู่แข่ง นอกจากสามารถนำกลับมาวนใช้ ต้นทุนต่ำ เป็นผลดีต่อการบริหารต้นทุนบรรจุภัณฑ์ในระยะยาว และเป็นผลดีกับธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังช่วยลดขยะที่จะเกิดขึ้นหลังการบริโภคด้วย สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน บริษัทตั้งเป้าผลักดันยอดขายขวดแก้วให้ไปถึง 4.5% ของยอดขายเมื่อแบ่งตามบรรจุภัณฑ์ทั้งหมด

ในปีที่ผ่านมาหาดทิพย์ลอนช์สินค้าใน Category ใหม่ ในชื่อแบรนด์ OOHA และเครื่องดื่มไม่มีน้ำตาล 5 ผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ปี 2566 มียอดขายเติบโตถึง 31% และยังเติบโตไปได้อีกมาก เนื่องจากผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มไม่มีน้ำตาลยังมีสัดส่วนเพียง 3% ของยอดขายทั้งหมด

บริษัทยังได้เล็งขยายพอร์ตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้มีความหลากหลายมากขึ้น จากที่มี Jack & Coke เข้าสู่ตลาดไทยให้ลิ้มลองไม่นานมานี้  โดยจะนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผสมกับน้ำอัดลมให้มากขึ้น เป็นทางเลือกแก่ผู้บริโภคที่ต้องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เข้มข้น

การลอนช์สินค้าใหม่ยังเป็นตัวเลือกแก่ผู้บริโภค จะช่วยกระตุ้นความถี่ในการดื่มสอดแทรกเข้าไประหว่างมื้ออาหารได้มากขึ้น

นอกจากนั้น บริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ดันมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มตู้แช่ให้ถึง 20-25% ของตลาดตู้เเช่ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขา 10% จาก 50,000 แห่ง ตั้งเป้ายอดขายระยะยาว 15,000 ล้านบาท  และมีมูลค่าส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 35% ภายในปี 2575

ปัจจุบันหาดทิพย์มีผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอประกอบด้วย โค้ก, แฟนต้า, สไปร์ท, ชเวปส์, เอแอนด์ดับบลิว, รูทเบียร์, มินิทเมดสแปลช, มินิทเมดพัลพิ, น้ำทิพย์, บอน อควา และ อู-ฮ่า

 

ทุ่มงบลงทุนพันล้าน เพิ่มกำลังการผลิต

ทุ่มงบลงทุนเพิ่ม 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 500 ล้านบาทสำหรับการขยายคลังสินค้า 10,000 ตารางเมตร รวมกับตัวเลขการลงทุนประจำปี 200 ล้านบาท และการขยายธุรกิจประเภทขวดแก้ว 800 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสายการผลิตของผลิตภัณฑ์ในบรรจุภัณฑ์ชนิดขวดแก้ว ที่โรงงานพุนพิน จ. สุราษฎร์ธานี คาดว่าจะเปิดสายการผลิตได้ก่อนไตรมาสสี่ ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตจาก 200 ขวดต่อนาที เป็น 800 ขวดต่อนาที

ถึงจุด Diversify

ในช่วงโควิด-19 หาดทิพย์ได้หันไปลุยในธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่ม ทั้งธุรกิจอาหาร Distribute และดิเวลลอปเม้นท์

นำไปสู่การจับมือร่วมทุนกับ ZEN จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ บริษัท กินดีอยู่ดี 2020 จำกัด โดย บมจ. หาดทิพย์ ถือหุ้น 75% ผ่านบริษัท หาดทิพย์ ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอร์เรจเจส จำกัด และ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ถือหุ้น 25% ผ่านบริษัท เซ็น แอนด์ สไปซี่ จำกัด เพื่อขยายร้านเขียง แต่ก็ล้มเหลวไป เช่นเดียวกับธุรกิจ Distribute ล้วนขาดทุนไปหลักร้อยกว่าล้านบาท แต่ธุรกิจดิเวลลอปเม้นท์ยังคงไปได้สวย ขณะนี้มีหนึ่งโครงการเรสซิเดนซ์ใหญ่ในหาดใหญ่

“หกล้มหน้าคว่ำคะมำมาแล้ว ถือว่ามีบทเรียนให้ได้ศึกษาจากข้อผิดพลาดเหล่านั้น อย่างน้อยก็ได้เรียนรู้ว่า ถ้าจะเริ่มธุรกิจใหม่ต้องคิดแบบ Startup มากกว่าการที่จะคิดแบบขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งองค์กร เราคิดแบบองค์กรใหญ่ แต่จริง ๆ ควรเริ่มจากความคล่องตัวดีกว่า

ผมเป็นคนยอมรับความพ่ายแพ้ แต่เป็นคนเข็ดยาก” พลตรีพัชร รัตตกุล กล่าว

 

หาดทิพย์ หนึ่งเดียวตลาดน้ำอัดลม ภาคใต้ 14 จังหวัด

ตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมทั่วประเทศ 70,000 ล้านบาท
การดื่มน้ำอัดลมของโซนใต้เฉลี่ยอยู่ที่ 154 ขวดต่อคนต่อปี หาดทิพย์มีส่วนแบ่งตลาด 79.3% ในตลาดน้ำอัดลมภาคใต้
ยอดขาย กำไร
2021 6,518 533
2022 6,873 431
2023 7,806  598
สัดส่วนรายได้แบ่งตามแบรนด์ Coke 69%
Fanta 17%
Sprite 6%
น้ำทิพย์

(มีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดน้ำดื่ม 7.2%)

3%
ชเวปส์ 3%
มินิทเมด 1%
อื่นๆ 1%
สัดส่วนรายได้แบ่งตามบรรจุภัณฑ์ PET 75%
กระป๋อง 19%
RGB & Non RGB 3%
อื่น ๆ 3%

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer