Work: ช่วงไม่กี่ปีมานี้ สุขภาวะ เป็นเรื่องที่ถูกนำมาพูดถึงอย่างมาก ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ มาจากคนทำงานทั่วโลกมีเวลาอยู่กับตัวเองกันมากขึ้นเมื่อช่วงติดล็อกดาวน์ และการที่ Gen Y กับ Gen Z ซึ่งอายุระหว่าง 30 ถึง 43 ปี กับ 12 ถึง 27 ปี

กำลังหลักของโลกการทำงานในปัจจุบัน ใส่ใจเรื่องสุขภาวะในการทำงานมากขึ้นกว่ารุ่นพี่ ๆ ในออฟฟิศอย่าง Gen X และ Babyboom
ความแตกต่างชัด ๆ ที่เห็นจากการใส่ใจสุขภาวะกันมากยิ่งขึ้น คือ การทำงานหนัก (Work hard) หามรุ่งหามค่ำหรือแบบลากยาวเป็นสิ่งตกยุค และการทำงานฉลาด (Work smart) คือสิ่งที่คนทำงานยุคนี้ยึดถือ
ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้สมดุลระหว่างงานกับการใช้ชีวิต (Work-Life Balance) กลายมาเป็นเกณฑ์พิจารณาในการสมัครงาน ควบคู่ไปเป็นงานที่อยากทำ สอดคล้องกับวุฒิการศึกษาและทักษะที่มี และเงินเดือนสมน้ำสมเนื้อ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกอย่างที่ทำให้ Work-Life Balance เสียจนประสิทธิภาพลดลง และปิดกั้นการใช้ชีวิตให้มีความสุขซึ่งยึดความยืดหยุ่นเป็นหลัก (Work-Life Integration)
จึงถูกนำมาพูดถึง และแทบทุกครั้งที่ Work-Life Balance ปรากฏขึ้นทั้งในวงสนทนา และหนังสือเคล็ดลับด้านการทำงาน จะมีคำหนึ่งผุดขึ้นมาด้วยเสมอ

นั่นคืออาการหมดไฟ (Burn out) เพราะคือภาวะอันตราย เหมือนโรคร้ายลุกลามจนถึงขั้นสุดจนไม่อยากทำอะไร ซึ่งส่งผลเสียร้ายแรงต่อทั้งการทำงานและชีวิตประจำวัน นี่ทำให้ทั้งฝ่ายบริษัทและพนักงานต่างพยายามหาทางป้องกัน Burn out
ขณะเดียวกันก็เกิดการจับสัญญาณก่อนจะ Burn out ทำให้โลกการทำงานได้รู้ว่าอาการคนทำงานจะไม่ลามเข้าขั้นวิกฤตหรือตรีทูต หากจับสัญญาณอีกสอง B ก่อนหน้า คือ Bore out (เบื่อสะสม) และ Brown out (หมดใจ) ได้ก่อน

ในส่วนของ Bore out เกิดจากความเบื่องานด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ความซ้ำซาก ต้องเป็นฝ่ายรองาน และงานไม่มีความท้าทาย รวมไปถึงรู้สึกว่าไร้ค่าหรือถูกมองข้าม
Bore out ยังเกิดจากปัจจัยลบของสภาพแวดล้อมในการทำงานด้วย เช่น นั่งอยู่ในคอกทำงานที่อึดอัดหลาย ๆ ชั่วโมงต่อวัน และคนในบริษัททำตัวเป็นพิษ (Toxic) ผ่านการดูถูกหรือเหยียดหยาม เรื่องเพศสภาพ (Sexism) หรืออายุ (Ageism)
จับสัญญาณ Bore out และตัดไฟ
ในเมื่อเป็นปัญหาสะสม เมื่อพนักงานคนไหนรู้ตัวก็แสดงว่าพนักงานคนนั้น Bore out มาแล้วพักใหญ่ และหัวหน้าหรือฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็สามารถสังเกตได้จากประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง มาสายกลับเร็ว หรือทำงานแบบไม่มีกะจิตกะใจ
และทำสิ่งอื่น ๆ เช่น ท่องเว็บอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงาน คุยเล่นเรื่อยเปื่อยเพื่อฆ่าเวลา หรืออาจใช้เวลางานไปกับการช้อปออนไลน์ โดยเมื่อตรวจพบก็ต้องหาทางแก้ไข เริ่มจากคุยกับพนักงานที่ Bore out อย่างเปิดใจ
เพื่อให้รู้ว่าพวกเขา Bore out จากสาเหตุอะไรแล้วแก้เป็นกรณี ๆ ไป เช่น ถ้างานซ้ำซากหรือไม่ท้าทาย ก็ให้มอบหมายงานท้าทายกว่าเดิมเพื่อให้ได้ใช้ความสามารถเพิ่มขึ้น
ส่วนถ้างานหนักเกินไปให้ลดปริมาณงานในระดับที่ทั้งพนักงานและบริษัทต่างยอมรับได้ หรือถ้าสภาพแวดล้อมในบริษัท Toxic ก็แก้ไขให้ถูกจุด
Bore out เป็นเรื่องที่ทั้งตัวพนักงานและบริษัทต้องใส่ใจ เพราะถ้าปล่อยไว้นอกจากจะทำ Brown out (หมดใจ) และ Burn out (หมดไฟ) ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ โรคเครียด อาการหลับยาก และปัญหาสุขภาพสารพัด รวมไปถึงการลาออกแบบเงียบ ๆ ที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย ♦/bbc
–
