Life/แม้ยังอีกไกลกว่าที่จะตามเกาหลีใต้ทันในเรื่องคอนเทนต์บันเทิง โดยเฉพาะหนังและซีรีส์ แถมยังโดนกระแสวิจารณ์อีกว่า หนังและซีรีส์มักเล่นใหญ่เกินจริงอยู่เสมอ

ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังและซีรีส์ญี่ปุ่นก็มีดี และสร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน ยืนยันได้จากความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ของโอชิน ซึ่งคนที่โตมาช่วงยุค 80 จำกันได้ดี และยังถูกกล่าวถึงอยู่เสมอ

ข้ามมาปัจจุบัน ดูเหมือนว่าคอนเทนต์ญี่ปุ่นกำลังคืนฟอร์ม ยืนยันได้จากมีหนัง ซีรีส์ และอนิเมะ กระจายอยู่ในทุกๆ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งดังๆ โดยเฉพาะที่ให้บริการอยู่ในเอเชีย

ตีกรอบให้แคบลงมาเฉพาะซีรีส์ หนึ่งในโครงเรื่องยอดฮิตของซีรีส์ญี่ปุ่นคือ แนวเดินทางท่องเวลา โดยปี 2024 Extremely Inappropriate เป็นซีรีส์แนวนี้เรื่องล่าสุดที่ออกมา

Extremely Inappropriate

โดยนอกจากความสนุกที่ผู้ชมได้ร่วมลุ้นกันว่า ครูโอกาวะ พ่อม่ายลูกติดในยุค 80 หรือปลายยุคโชวะของญี่ปุ่นจะเอาตัวรอดอย่างไร หลังได้ข้ามเวลามาปี 2024 หรือยุคเรวะ โดยบังเอิญ ผ่าน Time machine ที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ Time machine

ครูโอกาวะ ตัวละครหลักในเรื่อง Extremely Inappropriate

และยุคเรวะก็ไม่น่าจะเข้ากับตัวเขาแบบสุด ๆ ตามชื่อภาษาอังกฤษแล้ว ตลอด 10 ตอน ซีรีส์เรื่องนี้ยังแทรกข้อคิดมากมายที่สามารถนำมาใช้ในปัจจุบัน และคนต่างรุ่นในครอบครัว

ตั้งแต่ Babyboom ลงไปถึง Gen Z ยังสามารถดูร่วมกันได้อย่างมีความสุขแบบดูไปยิ้มไปอีกด้วย ท่ามกลางการสะท้อนเรื่องราวของญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน

เช่น สังคมการทำงานที่เปลี่ยนไป ความหลากหลายทางเพศ รูปแบบครอบครัวที่ต่างจากอดีต และการแปะป้ายชื่อให้กับทุกเรื่องมากจนสับสน ที่ก็ไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ ในโลก  

ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ : ข้อคิดแรกที่แทรกอยู่ใน Extremely Inappropriate คือการเคารพการตัดสินใจของคนในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เมื่อเขาหรือเธอตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว แม่เรื่องนั้นดูน่าเป็นน่าเป็นห่วงก็ตาม 

ตอนต้น ๆ ของซีรีส์ ตัวละครหญิงในเรื่องต้องแสดงฉากเลิฟซีน แต่ทั้งสถานีโทรทัศน์และครอบครัวของตัวละครกังวลกันมาก

แต่สุดท้ายตัวละครก็พูดว่า ขอให้วางใจในสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้วและเชื่อมั่นในทีมดูแลฉากเลิฟซีน

จนตอนดังกล่าวจบลงอย่างราบรื่น โดยสถานการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงการเคารพการตัดสินใจของคนใกล้ชิด พร้อมให้กำลังใจและปลอบใจหากพลาดขึ้นมา

ปล่อยวางบ้าง: ข้อคิดข้อถัดมาที่แทรกอยู่ใน Extremely Inappropriate คือการปล่อยวาง ทั้งในเรื่องสื่อออนไลน์และการใช้ชีวิต

ประเด็นแรกปรากฏขึ้นในฉากที่ ครูโอกาวะ คนรุ่น Babyboom จากยุคโชวะได้งานเป็นที่ปรึกษาของสถานีโทรทัศน์ยุคเรวะหัวเสียอย่างมาก ที่ส่งข้อความทาง LINE ไปแล้ว พนักงาน Gen Z  อ่านแต่ไม่ตอบ

ช่วงท้ายของตอนนั้น สถานการณ์ก็คลี่คลายลง ด้วยฉากละครเพลงย่อม ๆ สะท้อนพฤติกรรมของ Gen Z ว่า จะตอบ LINE เมื่ออยากตอบเท่านั้น

แต่พวกเขารับทราบข้อความแล้ว ดังนั้น Babyboom จึงไม่ต้องตกใจและไม่ควรส่งข้อความจี้เอาคำตอบแบบรัว ๆ  

(คนกลาง) ลูกสาวครูโอกาวะ 

ข้อคิดเรื่องการปล่อยวางนี้ ยังแสดงให้เห็นในฉากที่ครูโอกาวะคลายความกังวลที่มีต่อลูกสาว ซึ่งขึ้น Time machine ตามมายุคเรวะ หลังลูกสาวไม่ได้ทำเรื่องเสียหายกับหนุ่มยุคเรวะที่ไปเดตด้วย

แม้เธอขึ้นชื่อเรื่องการเป็นนักเลงสาวแสบในยุคโชวะก็ตาม และจากนั้นครูโอกาวะก็ปล่อยให้ลูกสาวสนุกกับยุคเรวะได้มากขึ้น

สร้างสุขจากทุกโอกาส: การอยู่กับปัจจุบันและเห็นแง่งามของเรื่องต่าง ๆ ก็เป็นอีกข้อคิดหนึ่งที่ปรากฏอยู่ใน Extremely Inappropriate หลายครั้ง

เช่น การกอดกันของตากับหลาน ซึ่งได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น หลังครูโอกาวะได้มายุคเรวะ การได้คุยกันอย่างจริงจังของครูโอกาวะกับลูกเขย ซึ่งในอดีตเคยไม่ถูกกันมาก่อน

และการที่ครูโอกาวะคุยกับลูกสาวแบบดี ๆ กันมากขึ้นทุกครั้งที่มีโอกาส เพราะรู้ว่าที่สุดเธอต้องจากไปก่อนอย่างไม่มีวันกลับ

แต่ละยุคมีข้อดีข้อด้อย: การปรับตัว และเห็นข้อดีข้อด้อยของอดีตและปัจจุบัน เป็นข้อคิดอีกเรื่องที่ผู้ชมจะเห็นตลอด 10 ตอนของซีรีส์

เช่น การที่แรก ๆ ครูโอกาวะรับไม่ได้ที่ Gen Z ยุคเรวะ ไม่ยอมรับการดุ ตักเตือน หรือลงโทษด้วยการตีแต่หลังใช้ชีวิตในยุคเรวะนานเข้าเขาก็เห็นว่า ความรุนแรงบางครั้งก็ไม่ได้ผล

และไม่จำเป็น ซึ่งแสดงออกมาผ่านทางการพูดกับนักเรียนในชมรมเบสบอลแทนด้วยเหตุผล แทนการตีก้น เหมือนที่เคยทำ

ครูโอกาวะยังเห็นว่าการที่ผู้ชายจะแต่งหญิงนอกเวลางานเป็นเพียงการแสดงออกทางเพศรูปแบบหนึ่งเท่านั้น

และไม่น่าร้ายแรงถึงขั้นต้องไล่ออกจากงาน ซึ่งเขาอาจไม่คิดได้เช่นนี้ หากไม่ได้ข้ามมาในยุคเรวะ

ในทางตรงกันข้าม ตัวละครหญิงคนสำคัญจากยุคเรวะที่ขึ้น Time machine กลับไปยุคโชวะ ก็เห็นข้อดีของยุคโชวะมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งที่ตนเคยเป็นยุคเรวะแบบสุดขั้ว เคยรับไม่ได้กับข้อเสียของยุคโชวะ เช่น ภาวะสังคมชายเป็นใหญ่และความไม่ทันใจของการสื่อสาร

ร้อยเล่มเกวียนออนไลน์ต้องรู้ทัน: มาถึงข้อคิดสุดท้ายที่แทรกอยู่ใน Extremely Inappropriate นั่นคือ ทักษะการใช้สื่อออนไลน์ยุคนี้ โดยสะท้อนออกมาผ่านการให้โอกาสตัวละครพิธีกรหนุ่มของสถานีโทรทัศน์ในเรื่อง

พิธีกรหนุ่มคนนี้ทำเรื่องพลาดครั้งใหญ่แ ละกำลังทำทุกอย่างเพื่อทวงคืนก้าวทางอาชีพ แต่สิ่งที่ขวางเขาอยู่คือ กระแสวิจารณ์อย่างหนักหรือทัวร์ลงไม่หยุดหย่อน

ที่สุดครูโอกาวะและหลานสาวก็พาเขาไปปรึกษากับหัวหน้าฝ่ายบริหารความเสี่ยงของสถานีโทรทัศน์ ซึ่งก็เข้าใจสถานการณ์ดีอยู่แล้ว

เพราะเคยเจอสถานการณ์แบบเดียวกันมาก่อน โดยทางแก้ที่หัวหน้าฝ่ายบริหารความเสี่ยงเสนอมาคือ ทยอยกลับมาสู่หน้าจอ ทำเรื่องดี ๆ บ่อย ๆ เข้าไว้

และอย่าใส่ใจกับเกรียนคีย์บอร์ดให้มากนัก เพราะคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ วิจารณ์เอามัน และไม่ใส่ใจคนต้นเรื่อง

และคนต้นเรื่องกับคนใกล้ชิดก็รู้ดีว่าความจริงเป็นอย่างไร ดังนั้น ถ้าข้อมูลในการทำเรื่องดี ๆ กระจายไปทั่วสื่อออนไลน์แล้วก็จะกลบข่าวเสียหายไปได้ จนแทบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยทีเดียว ♦


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer