SME Think Tank/ดร. เกษม พิพัฒน์เสรีธรรม
เดือนมิถุนายนที่ชาว LGBTQIAN+ จัดเป็นเดือนแห่งสีรุ้ง (Pride Month) คงช่วยให้ท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐาไม่ต้องรู้สึกโดดเด่นคนเดียวที่ชอบแต่งตัวด้วยสีสันฉูดฉาด เพราะชาว LGBTQIAN+ ทั่วโลกก็แสดงออกด้วยการแต่งกายและกิจกรรมสีรุ้งมากมายทั่วโลก
ต้องแสดงความชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรีเช่นกันในการช่วยผลักดันกฎหมายสมรสเท่าเทียมในประเทศไทย เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องความเสมอภาคในสังคมไทย และไทยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่เปิดโอกาสให้ชาวสีรุ้งสมรสกันได้อย่างถูกกฎหมาย
นอกจาก พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมจะเปิดโอกาสให้ชาวสีรุ้งสามารถสมรสกันได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว ยังให้สิทธิครอบคลุมหลายมิติ เช่น การหมั้น การแต่งงาน การหย่าร้าง การปกครองบุตรบุญธรรม การยินยอมการรักษาพยาบาล ฯลฯ จัดว่าช่วยให้ชาวสีรุ้งมีความเสมอภาคและรู้สึกแปลกแยกน้อยลงอย่างมาก
ก่อนที่จะว่ากันต่อถึงโอกาสทางการตลาด ผมขอขยายความ ความหมายของ LGBTQIAN+ ก่อนดังนี้
L (Lesbian) คือกลุ่มผู้หญิงรักผู้หญิง
G (Gay) คือกลุ่มผู้ชายรักผู้ชาย ซึ่งจะไม่แบ่งแยกว่าจะต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงหรือไม่
B (Bisexual) คือกลุ่มที่มีความรักทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง
T (Transgender) คือ กลุ่มคนที่อยากเปลี่ยนแปลงเพศของตัวเอง หรือเรียกว่า กลุ่มคนข้ามเพศ จากเพศชายเป็นเพศหญิง หรือเพศหญิงเป็นเพศชาย
Q (Queer) คือ กลุ่มคนที่ชอบเพศอะไรก็ได้ในกลุ่ม LGBTQ โดยไม่ได้กำหนดว่าจะต้องเป็นเพศไหนก็รักได้หมด โดยไม่ได้จำกัดในเรื่องเพศ ก็มีความรักให้กันได้
I (Intersex) คือกลุ่มคนที่มีเพศกำกวม มีโครโมโซมไม่ตรงกับสรีระชายหรือหญิงหรือเป็นได้ทั้งชายและหญิง
A (Asexual) คือกลุ่มคนที่ไม่ฝักใฝ่ทางเพศ ไม่มีแรงดึงดูดทางเพศต่อบุคคลอื่น
N (Non-Binary) คือคำศัพท์ที่ใช้เรียกให้เห็นอัตลักษณ์ทางเพศหรือการแสดงออกทางเพศว่ามีความหลากหลายทางเพศมากกว่าชายหรือหญิง
Plus (+) คือเพศอื่น ๆ (ถ้ามี)
คงพอมองเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจมากขึ้นสำหรับคนกลุ่มนี้ (ชาวสีรุ้ง) ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ GAY TIMES คาดการณ์ว่าในปี 2593 ทั่วโลกจะมีจำนวนประชากร LGBTQIAN+ ถึง 1,000 ล้านคนและมีการใช้จ่ายรวมทั่วโลกประมาณ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีหรือราว 136 ล้านล้านบาท ทำให้นักการตลาดทั่วโลกสนใจตลาดใหญ่ที่มีลักษณะพิเศษนี้
ข้อมูลเชิงลึกพบว่า ในช่วงปี 2561-2562 ไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย (6.5 พันล้านดอลลาร์) และอันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา (25.6 พันล้านดอลลาร์), สเปน ( 8.1 พันล้านดอลลาร์) และฝรั่งเศส (7.3 พันล้านดอลลาร์)
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่มีอยู่กว่า 500 ล้านคนทั่วโลก อยู่ในแถบเอเชีย 288 ล้านคน จีนราว 90 ล้านคน อินโดนีเซีย 17 ล้านคน ญี่ปุ่น 8.2 ล้านคน ฟิลิปปินส์ 6.9 ล้านคน เวียดนาม 6.1 ล้านคน ส่วนในไทยมีประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งในอนาคตจะมีประชากรชาวสีรุ้งราว 1,000 ล้านคน ในปี 2593
เทอร์ร่า บีเคเค ระบุว่า ชาวสีรุ้งมีรายได้มากกว่ากลุ่มชายหญิงทั่วไป เมื่อเทียบกับคนในวัยเดียวกัน โดยมีรายได้ 50,000- 85,000 บาทต่อเดือน มีสัดส่วนมากกว่า 9% และในจำนวนนี้ 4% มีรายได้มากกว่า 85,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป โดยมีรสนิยมเรียบหรู ดูแพง เน้นแบรนด์และความน่าเชื่อถือเป็นหลักไม่เน้นตามเทรนด์เหมือนคนทั่วไป
ชาวสีรุ้งส่วนใหญ่นิยมอยู่อาศัยในเมืองใหญ่และในสังคมที่เขารู้สึกได้รับความเสมอภาคและปลอดภัย ส่วนใหญ่ไม่ชอบมีแผนการใช้จ่ายชัดเจน มักใช้จ่ายแบบอิสระ เน้นความต้องการและความสุข
ด้วยรสนิยมเน้นความเรียบหรูดูแพง ใช้สินค้าแบรนด์เนม
ธุรกิจที่มีโอกาสในการทำการตลาดลูกค้ากลุ่มนี้ ได้แก่ ธุรกิจความงามและสุขภาพ ธุรกิจแฟชั่น ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อทำบุตร (โดยเฉพาะต่างประเทศ) ธุรกิจเกี่ยวกับของใช้และไลฟ์สไตล์
ทั้งนี้กลยุทธ์การตลาดต้องเน้นความจริงใจ ไม่แสดงความแปลกแยก แสดงออกถึงการยอมรับ
ชาวสีรุ้งให้ความเสมอภาค
นำเสนอสินค้าหรือบริการให้เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย ไม่ต้องซับซ้อนยุ่งยาก สร้างกิจกรรมการรวมกลุ่มสำหรับคนที่มีความเหมือน ๆ กัน สร้างบรรยากาศรู้สึกเป็นส่วนตัว
สร้างความเท่าเทียม เสมอภาค รวมถึงโอกาสที่จะเลือกหรือตัดสินใจต่อการบริโภคสินค้าหรือใช้บริการ ไม่จำกัดเพศ หรือแสดงออกถึงเงื่อนไข กติกาเกี่ยวกับเพศ
ส่งเสริมความรู้สึกดูดีมีรสนิยม ด้วยการเลือกใช้วัสดุ โทนสี หรือการตกแต่งบรรยากาศร้านให้ดูดี รวมถึงการบริการอย่างมีระดับ
สื่อสารอย่างจริงใจ ไม่บิดเบือน น่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจ
แสดงออกถึงการให้เกียรติและเคารพความเป็นตัวตนของกลุ่มชาวสีรุ้ง
สินค้าและบริการจะต้องสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง สามารถตอบสนองตรงตามความต้องการหรือสามารถแก้ปัญหาในชีวิตของชาวสีรุ้ง และสินค้าต้องมีคุณภาพดีและได้มาตรฐาน
ปัจจุบันมีสินค้าและบริการหลายแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นและชัดเจนขึ้น
เช่น Starbucks จัดแคมเปญเฉลิมฉลอง Pride Month โดยออกแบบแก้วลายเรนโบสีสดใส แล้วข้อความบนแก้วเขียนว่า “LOVE” ซึ่งแคมเปญนี้ Starbucks ร่วมมือกับมูลนิธิ Born This Way ของเลดี้กาก้า และสามารถระดมเงินบริจาคได้สูงมาก
H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังระดับโลกที่มีการออกแบบเสื้อยืด เสื้อครอป บอดี้สูท รองเท้าแตะ และยังมีสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย โดยหนึ่งในคอลเลกชัน “Love For All” ออกมาเพื่อสนับสนุนกลุ่มชาวสีรุ้ง หรือความรับรู้ในทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ในโลก โดยรายได้ 10% จากยอดขายทั่วโลก จะนำไปบริจาคให้กับแคมเปญ Free & Equal ของสหประชาชาติ
สินค้าแบรนด์ไทย เช่น ร้านกาแฟ Black Canyon ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น
โลกเปลี่ยนไปมากอย่างรวดเร็วทั้งเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภค การทำการตลาดต้องยอมรับความแตกต่าง มองเห็นโอกาส ตลาดกลุ่มใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น
รายได้เงินอาจมีหลากสี และเกิดได้ทุกวัน
รุ้งกินน้ำอาจไม่เกิดหลังฝนตกเสมอไป..ใครจะไปรู้
–
