Trend/เทรนด์แฟชั่น สภาพสังคมการทำงานและทัศนคติที่เปลี่ยนไป ส่งให้แบรนด์รองเท้าอายุทะลุ 200 ปี ได้รับข่าวดีต่อเนื่องหลังก้าวสำคัญทางธุรกิจ

Birkenstock แบรนด์รองแตะเยอรมนี ปิดไตรมาส 2 ปี 2024 ด้วยยอดขายทั่วโลก 626 ล้านดอลลาร์ (ราว 21,200 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 19% ถือเป็นยอดขายในไตรมาสเดียวสูงสุดเท่าที่เคยมีมาของบริษัท โดยมีรุ่นหัวโตเปิดส้นหรือ Clog ที่โตสุดด้วยยอดขายโตขึ้น 2 เท่า

และถือเป็นข่าวดีต่อเนื่อง หลังตุลาคมปี 2023 ข้ามไปทำ IPO ในตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ด้วยมูลค่า 7,500 ล้านดอลลาร์ (ราว 254,000 ล้านบาท)

ข่าวดีครั้งสำคัญของแบรนด์รองเท้าแตะเยอรมนีที่ก่อตั้งเมื่อปี 1774 หรือเมื่อ 250 ปีก่อน มีที่มาจากหลายสาเหตุ
เริ่มจากยอดขายกลุ่มรองเท้าแตะ รวมไปถึงรองเท้าทรงโต และรองเท้าแตะทรงรองเท้าสาน ที่โตขึ้นเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา

สาเหตุต่อมาคือ รองเท้าแบบลำลอง ใส่สบาย โดยเฉพาะทรงหัวโตของ Crocs ถือเป็นแฟชั่นไอเทมคู่เท้าของคนรุ่นใหม่ที่อายุ 12-27 ปี หรือ Gen Z ไปแล้วโดยเมื่อ Gen Z รุ่นที่อายุมากสุดซึ่งเพิ่งทำงานมาได้ไม่กี่ปีและมีกำลังซื้อใส่กันมากขึ้น

ตามบรรดาเหล่าคนดังสายแฟชั่น ยอดขายก็เลยเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
สาเหตุสุดท้ายคือทัศนคติต่อรองเท้าลำลองเปลี่ยนไป โดยการที่คนวัยทำงานทั่วโลกได้ใส่ตลอด 3 ปีกว่าช่วงล็อกดาวน์ จนเมื่อพ้นล็อกดาวน์ไปแล้ว

และเทรนด์การทำงานก็เปลี่ยนไปเป็นแบบผสมผสาน ทำงานระหว่างที่บ้านสลับกับเข้าบริษัท (Hybrid work space) ความนิยมของรองเท้ากลุ่มนี้นอกจากแทบไม่ลดลงเลยแล้วยังมีการพัฒนารุ่น ๆ ใหม่ เพิ่มความหลากหลายและใช้วัสดุที่คงทนกว่าเดิมอีกด้วย ผู้คนจึงยอมรับรองเท้าลำลองกันได้มากขึ้น ซึ่งกลุ่มที่ใส่รองเท้าลำลองทรงต่าง ๆ กันมากสุุดคือกลุ่ม Gen Z นั่นเอง
ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของรองเท้าแตะและรองเท้าลำลองแบบต่าง ๆ ยังกระทบต่อรองเท้าที่คู่เท้าของผู้หญิงทั่วโลกมานานอีกด้วย ส่งผลให้ผู้หญิงซื้อรองเท้าส้นสูงที่สวยแต่ใส่ไม่สบายกันน้อยลง

และไปฉุดยอดขายจนแบรนด์ที่สายป่านไม่ยาวพออย่างแบรนด์ Sarah Jessica Parker ของนักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ชาวอเมริกันชื่อเดียวกัน ที่ดังมาจากบทนำในซีรีส์ Sex and the City ต้องปิดตัวลงไป/theguardian
–
