ปี 2024 เป็นอีกปีหนึ่งที่ในวงการธุรกิจไทยและโลกมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่องในหลากเรื่อง หลายรส ทั้งในแง่ของการเปลี่ยนแปลง, การสร้างกระแส ตลอดจนการพาตัวเองไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่หลายคนจับตามอง และก่อนจบปี 2024 Marketeer ได้สรุปการเปลี่ยนแปลงในวงการธุรกิจที่น่าสนใจในรอบ
Robinhood เปลี่ยนมือจาก SCB สู่ยิบอินซอย
วงการฟู้ดเดลิเวอรีเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ SCB ประกาศยุติกิจการ Robinhood หลังขาดทุนอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดให้บริการ
แต่ธุรกิจ Robinhood ที่ SCB ต้องการตัดทิ้ง กลับกลายเป็นธุรกิจที่กลุ่มยิบอินซอย และอีก 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), บริษัท เอสซีที เรนทอล คาร์ จำกัด และ บริษัท ล็อกซบิท จำกัด (มหาชน) ให้ความสนใจนำไปต่อยอดด้วยการร่วมหุ้นซื้อ Robinhood ในวงเงิน 2,000 ล้านบาท โดยมียิบอินซอยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
และได้บริหาร Robinhood ด้วยการให้ความสำคัญกับธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรีซึ่งเป็นธุรกิจเดียวที่ Robinhood ยังคงให้บริการในปัจจุบันให้แข็งแรงก่อนที่จะขยายไปยังบริการอื่น ๆ เช่น เรียกรถ จองโรงแรมที่ Robinhood เคยยุติให้บริการไปก่อนหน้านั้น
พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ เปลี่ยนสิทธิ์ถ่ายทอดจาก True Vision สู่ JAS
เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ ในประเทศไทย เมื่อ JAS หรือ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลสิทธิ์จาก FAPL (The Football Association Premier League Limited) ด้วยเม็ดเงิน 19,167.72 ล้านบาท เพื่อถ่ายทอดสด ชมย้อนหลังและอื่น ๆ แต่เพียงผู้เดียว (Exclusivity right) ในไทย ลาว และกัมพูชา นานถึง 6 ฤดูกาล นับตั้งแต่ฤดูกาล 25/26
และสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก และ เอฟเอคัพ JAS ได้ว่าจ้างให้ MONO หรือบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถ่ายทอดผ่านแพลตฟอร์ม MonoMax ด้วยเหตุผล JAS และ MONO มี พิชญ์ โพธารามิก เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งคู่
ส่วนทรู วิชั่น ผู้ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลปัจจุบัน ยังคงถ่ายทอดไปจนถึงพฤษภาคม 2568
การเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้น และชื่อใหม่ของ Kerry สู่ KEX
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ Kerry หรือบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หลังจาก S.F. Holdings Co., Ltd. ผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่จากประเทศจีน เข้าครอบงำกิจการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ผ่านบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูก
และการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นของ Kerry ประเทศไทย ตามมาด้วยการเปลี่ยนแปลงชื่อ บริษัท จากเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท เคอีเอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) และเปลี่ยนแบรนด์จาก Kerry Express เป็น KEX เนื่องจากบริษัท Kuok Registrations Limited เจ้าของแบรนด์ และเครื่องหมายการค้า Kerry Express บอกยกเลิกสัญญา

หมูเด้ง ผู้สร้างกระแสใคร ๆ ก็อยากไปสวนสัตว์ ที่มาพร้อมกับผู้จุดประกายดาราสัตว์มากมาย
หมูเด้ง เซเลบสาวแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในวงการสวนสัตว์ ทั้งในเรื่องการเติบโตของผู้เข้าชม และการเกิดดาราสัตว์อื่น ๆ ตามมามากมาย เช่น น้องหมูเด้ง หมูด้วง คากิ ในตระกูลฮิปโป, น้องเอวา น้องสุดเขต เสือแบ๊วที่ดึงดูดความสนใจของคนไทยและต่างชาติให้มองเห็นความน่ารัก และเกิดกระแสรักสัตว์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
และจากข้อมูลขององค์การสวนสัตว์พบว่า นับตั้งแต่หมูเด้งเกิดในวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 และมีการปล่อยคลิปหมูเด้งครั้งแรกในปลายเดือนกรกฎาคม 2567 กระแสการเข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียวจำนวนมาก เมื่อนับจาก 1 สิงหาคม-21 ธันวาคม 2567 มีผู้เข้าชมสวนสัตว์เปิดเขาเขียวรวมกันมากถึง 787,412 คน เป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากช่วงเดียวกันปี 2566 ที่มียอดผู้ชม 395,220 คนเท่านั้น
หมีเนย ผู้สร้างกระแส Butter Bear ผ่าน Mascot Marketing และ Story Telling
หมีเนย Mascot สุดคิวท์ เต็มไปด้วยความรัก สดใส ที่กลายเป็นกระแสในปี 2567 ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับแบรนด์เบเกอรี่ Butter Bear ในเครือ Coffee Bean by Dao เป็นที่รู้จักอย่างฉุดไม่อยู่ ทั้งไทย และต่างประเทศ โดยเฉพาะชาวจีน
ความน่ารักของหมีเนยได้ดังขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 ที่สร้างกระแสมัมหมี พ่อหมี เข้ามาพบปะร่วมกิจกรรมกับน้องเนยที่หน้าร้าน Butter Bear สาขา Emsphere จนแน่นขนัด และยอมที่จะต่อคิวเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อได้ถ่ายรูป หรือซื้อสินค้าจากร้าน Butter Bear สนับสนุนความน่ารักของน้องเนย
ซึ่งการสร้างกระแสของน้องเนยเป็นการนำกลยุทธ์ Mascot Marketing ผสมผสานกับ Story Telling เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของน้องเนย ทั้งการกำหนด เพศ อายุ ภาพลักษณ์ให้มีชีวิตบนกิจวัตรประจำวัน และความสามารถต่าง ๆ ที่น้องเนยมี เช่น การร้องเพลง เป็นต้น
และกระแสหมีเนยนอกเหนือจากสร้างรายได้จากการขายสินค้าหลักของ Butter Bear แล้วยังสามารถสร้างรายได้อื่น ๆ ที่มาจากคาแรกเตอร์หมีเนยอีกด้วย

OR เลิกขาย Texas ขายหุ้น Koune ทิ้ง และการปิดตัวลงของแบรนด์ร้านอาหารต่าง ๆ
ปีนี้เป็นปีที่ OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ตัดธุรกิจอาหารทิ้งถึง 2 ธุรกิจ นับตั้งแต่ยุติธุรกิจเท็กซัส ชิคเก้น อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 และตามมาด้วยการขายหุ้นในบริษัท อิ่มทรัพย์โกลบอล คูซีน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ Kouen, Ono Sushi และร้านอาหารแบรนด์อื่น ๆ ทิ้ง เพื่อตัดธุรกิจที่ไม่เติบโต หรือสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ออก และหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจที่สร้างผลกำไรกลับมา
นอกเหนือจากการตัดธุรกิจอาหารของ OR ถึงสองธุรกิจในปีนี้ เราได้เห็นการปิดตัวลงของแบรนด์ร้านอาหารที่เป็นตำนาน และไม่เป็นตำนานอื่น ๆ เช่น การปิดตัวลงของแบรนด์ไดโดมอน, ฮอตพอต สองแบรนด์ที่เคยเฟื่องฟูในอดีตจากสภาวะขาดทุน, การปิดตัวของร้านอาหารแบรนด์อร่อยดี ที่ CRG พัฒนาขึ้นมาแข่งขันในตลาดอาหารสตรีทฟู้ด, การปิดร้านขนมจากประเทศญี่ปุ่นถึงสองแบรนด์ ได้แก่ Gram Pancakes และ Pablo Cheesetast เป็นต้น
Subway ผู้ถือสิทธิ์เก่าไม่ยอมไปไหน
ในธุรกิจอาหาร ได้เกิดประเด็นดราม่า ในแบรนด์ Subway หลังจากร้านที่หมดอายุสัญญาจาก Master Franchise รายเดิม ไม่ยอมปิดร้านเลิกจำหน่าย และยังคงขาย Subway ต่อไป ในคุณภาพและรสชาติที่ไม่เหมือนเดิม จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของลูกค้าจำนวนมาก จน Master Franchise ต้องออกมาแจ้งถึงร้านที่ได้รับสิทธิ์ถูกต้อง พร้อมดำเนินการกับร้านที่หมดสัญญาในที่สุด
ซึ่งในปัจจุบัน Subway ได้ถูกเปลี่ยนมือเป็นของ บริษัท โกลัค จำกัด บริษัทย่อยของ PTG บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ที่ได้รับสัญญาจาก บริษัท ซับเวย์ อินเตอร์เนชั่นแนล บี.วี. จำกัด เจ้าของแบรนด์ Subway อย่างถูกต้องในประเทศไทย ผ่านบริษัท โกลัค จำกัด ตั้งแต่ 1 เมษายน 2567 มีอายุสัญญา 10 ปี
ส่วนบริษัท อะเบาท์ แพสชั่น กรุ๊ป ได้รับเป็น Master Franchise ในปี 2565 หลังจากที่ อะเบาท์ แพสชั่น กรุ๊ป เป็นหนึ่งในแฟรนไชซี ซับเวย์ ตั้งแต่ปี 2562

ลิซ่าผู้จุดประกาย LABUBU และการเติบโตของ Art Toy
หลังจากลิซ่า ลลิษา มโนบาล โพสต์ภาพกล่องลาบูบู้มาการองจากค่าย Pop Mart ใน IG ส่วนตัว ได้สร้างกระแสลาบูบู้มาการองโด่งดังเป็นพลุในช่วงข้ามคืน จนเกิดปรากฏการณ์อัปราคาขายในตลาดรีเซลสูงเกินกว่าค่าตัวจริงไปมาก
และกระแสลาบูบู้มาการองได้ผลักดันให้ Art Toy เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมกับการเติบโตของ Art Toy ในคอลเลกชันต่าง ๆ ที่มาจากแบรนด์ Pop Mart และแบรนด์อื่น ๆ ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
รวมถึงเกิดเทรนด์ของแบรนด์ต่าง ๆ ทำ Art Toy ของตัวเอง เพื่อเป็นกิมมิกการตลาด เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน
หลานม่า หนังสร้างชื่อและรายได้ให้กับ GDH บนการเติบโตของใคร ๆ ก็ดูหนังไทยมากขึ้น
ในวงการภาพยนตร์ หลานม่า ถือเป็น MVP ที่สร้างชื่อให้กับ GDH ในฐานะหนังไทยที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ จากรายได้ในประเทศไทยกว่า 339 ล้านบาท และสร้างปรากฏการณ์ในฐานะหนังไทยเรื่องแรกที่มีรายได้รวมกว่า 2,000 ล้านจากรายได้ทั่วโลก จากการเข้าฉายไปแล้วใน 36 ประเทศ
นอกจากนี้ หลานม่ายังสร้างประวัติศาสตร์หนังไทยเรื่องแรกที่เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ซึ่งในปัจจุบันหลานม่าผ่านเข้ารอบ 15 ภาพยนตร์ชิงรางวัล และรอลุ้นเข้ารอบ 1 ใน 5 เรื่องสุดท้าย ที่จะประกาศในวันที่ 17 มกราคม 2568 ซึ่งผลจะเป็นอย่างไร ลุ้นกันต่อไปปีหน้า
Honda Nissan Mitsubishi จับมือควบรวมธุรกิจสู่ศึกตลาดรถไฟฟ้าโลก
ต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 หลังจากบริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด จับมือบันทึกข้อตกลง MOU ร่วมกัน เพื่อรวมกำลังซื้อศึกการแข่งขันในตลาดรถยนต์โลก พร้อมกระชับความแน่นแฟ้นความร่วมมือด้วยการขยาย MOU ในเชิงกลยุทธ์มากขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม 2567
ก่อนที่จะได้ข้อสรุปของการควบรวม บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ในรูปแบบบริษัทโฮลดิ้ง
และในวันที่ 23 ธันวาคม 2567 แม้ข้อสรุปการจัดตั้งบริษัทของ บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ยังคงอยู่ในช่วงหารือ แต่ได้ตัดสินใจให้บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่นิสสัน มอเตอร์ ถือหุ้นใหญ่ เข้าร่วม เพื่อนำจุดเด่นของทั้งสามรวมกำลังฝ่าฟันอุปสรรคในตลาดรถยนต์ไปด้วยกัน
ซึ่งการควบรวมจัดตั้งเป็นบริษัท โฮลดิ้ง ในครั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัดอย่างเป็นทางการของแง่มุมความร่วมมือทั้งสามบริษัท และคาดการณ์ว่าภายในเดือนมกราคม 2568 จะได้เห็นความเคลื่อนไหวอีกครั้งในความร่วมมือดังกล่าว
Intel ถูกปลดออกจากดัชนี Dow Jones
ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อ Intel ผู้ครองตำแหน่งในดัชนี Dow Jones (Dow Jones Industrial Average) นานถึง 25 ปี ถูกปลดออกจากดัชนีเพื่อนำ Nvidia เข้ามาแทนที่
การปลด Intel ออกจากดัชนี Dow Jones ในครั้งนี้มาจากผลงานในรอบปีที่ผ่านของ Intel ได้ประสบความท้าทายทางธุรกิจทั้งการขาดทุนมหาศาล พร้อมกับมูลค่าหุ้นที่ลดลง
สวนทางกับ Nvidia ที่มีการเติบโตจากรายได้และมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากกระแสการเติบโตของ AI ซึ่งเป็นตลาดหลักของ Nvidia ในการผลิตชิบ AI ป้อนตลาด

หายนะจอฟ้า บทเรียนครั้งสำคัญของ CrowdStrike
วันที่ 20 กรกฎาคม 2567 เป็นวันที่สร้างวิกฤตให้กับวงการไอทีทั่วโลกครั้งใหญ่ เมื่อคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ประมาณ 8.5 ล้านอุปกรณ์ทั่วโลกล่มเข้าสู่โหมด Blue Screen of Death ไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง กว่าจะสามารถกลับมาใช้งานปกติได้
และเป็นวิกฤตที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลให้กับบริษัทต่าง ๆ ทั้งในธุรกิจการบิน การธนาคาร โรงพยาบาล รีเทล และอื่น ๆ ที่ต้องหยุดชะงักในการให้บริการในงานที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบคอมพิวเตอร์ได้
ซึ่งเบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้มาจากข้อผิดพลาดของ CrowdStrike บริษัทไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ในการอัปเดตโปรแกรมรักษาความปลอดภัยสำหรับ Windows ให้กับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ CrowdStrike Falcon แพลตฟอร์มคลาวด์ที่ทำหน้าที่ตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ ป้องกัน แก้ไขปัญหาอัตโนมัติ และอื่น ๆ
หลังจากเหตุการณ์ Blue Screen of Death ในครั้งนั้น CrowdStrike ถูกผู้ถือหุ้นและบริษัทอื่น ๆ ที่ใช้บริการ เช่น สายการบินเดลต้า ยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจจากการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก
–
