Trends / บริษัทจะอยู่ยืนยาวข้ามยุคสมัยต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดและพัฒนาการทางเทคโนโลยี สำหรับ 3 บริษัทใหญ่เกาหลีใต้ก็ได้วางแผนเพื่ออนาคตแล้ว ด้วยการแข่งกันลงทุนในวิทยาการที่จะมาทำงานแทนคน

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ไม่หมดแค่นั้น เพราะยังแสดงให้เห็นด้วยว่า แต่ละบริษัทก้าวมาไกลแค่ไหนจากจุดเริ่มต้น

Samsung เริ่มต้นจากบริษัทค้าขายปลาแห้ง สมัยที่เกาหลียังเป็นดินแดนในปกครองของญี่ปุ่นและยังไม่แยกเป็นเหนือ-ใต้ โดยหลังจากนั้นก็ขยับขยายต่อเนื่อง จนที่สุดขึ้นมาเป็นบริษัทเบอร์ต้น ๆ ของเกาหลีใต้ สำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ และเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะแบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำ คู่ปรับ iPhone ของ Apple

ปี 2021 Samsung รุกธุรกิจใหม่ โดย ลี ยอง-แจ หัวเรือใหญ่ Samsung สั่งทุ่มงบก้อนใหญ่รุกตลาดหุ่นยนต์ ประเดิมด้วยการซื้อหุ้น Rainbow Robotics บริษัทหุ่นยนต์เกาหลีใต้ จากนั้นก็ทยอยซื้อหุ้นเพิ่ม จนปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และคงจะได้มาเป็นบริษัทใต้ชายคาในไม่ช้า

ด้าน Hyundai ก็ไม่น้อยหน้า โดยแม้ตั้งต้นมาจากธุรกิจก่อสร้างแต่ก็พัฒนาจนขึ้นมาเป็นค่ายรถอันดับ 1 ของเกาหลีใต้ และในปี 2020 ก็เริ่มรุกตลาดหุ่นยนต์ ทุ่ม 880 ล้านดอลลาร์ (ราว 30,000 ล้านบาท) ซื้อ Boston Dynamics มาจาก Softbank ของญี่ปุ่น

ท่ามกลางการจับตามองว่า ค่าย Hyundai จะนำอดีตศูนย์วิจัยหุ่นยนต์กองทัพสหรัฐฯ ที่ดังไปทั่วโลกจากหุ่นยนต์ตีลังกาได้แบบนินจาไปต่อยอดทำอะไร

มาเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ Hyundai ประกาศว่าจะนำเทคโนโลยีของหุ่นยนต์มาช่วยในสายการผลิตโรงงาน ฝ่ายขายและในการก่อสร้าง โดยจะเริ่มในปี 2025 เป็นต้นไป และจะนำ X-ble Shoulder เทคโนโลยีหุ่นยนต์แบบสวมใส่ที่ช่วยให้มนุษย์ยกของที่หนักเกินน้ำหนักตัวได้ มาใช้ให้กว้างยิ่งขึ้น

ส่วน LG ซึ่งเริ่มต้นจากเคมีภัณฑ์ และมีครีมทาหน้าเป็นผลิตภัณฑ์แรก แต่ดังไปทั่วโลกจากโทรทัศน์และสมาร์ตโฟน ก็รุกวงการหุ่นยนต์เช่นกัน โดยปี 2017 ได้พัฒนาหุ่นยนต์ของตัวเอง และต่อมาสนามบินอินชอนของเกาหลีใต้ได้ซื้อไปใช้เป็นหุ่นยนต์อำนวยความสะดวก

จากนั้นในปี 2023 ได้ซื้อกิจการ Bear Robotics บริษัทหุ่นยนต์สัญชาติอเมริกัน ผ่านข้อตกลง 60 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,000 ล้านบาท) โดยถ้าในอนาคตพัฒนาสู่การซื้อกิจการก็จะทำให้ LG รุกสู่ธุรกิจหุ่นยนต์เอไอในรถยนต์ และรถขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ Bear Robotics เชี่ยวชาญด้วย

สื่อเกาหลีใต้รายงานอิงทัศนะของนักวิชาการด้านหุ่นยนต์ในประเทศว่า นี่เป็นการสะท้อนว่า เครือบริษัทใหญ่หรือแชโบลชั้นนำของประเทศได้เริ่มแข่งขันกันด้านหุ่นยนต์ เพราะเล็งเห็นถึงการขยายตัวและการนำมาใช้แทนมนุษย์ที่มากขึ้นในอนาคต

ท่ามกลางมูลค่าตลาดหุ่นยนต์โรงงานทั่วโลกที่เมื่อถึงปี 2030 จะเพิ่มเป็น 88,550 ล้านดอลลาร์ (ราว 3 ล้านล้านบาท)

ประกอบกับเกาหลีใต้เองต่อไปหุ่นยนต์คงมีบทบาทมากขึ้น เพราะต้องมาทำงานแทนคน หากเกาหลีใต้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาอัตราการเกิดต่ำสุดในโลกได้/koreatimes, wikipedia

.

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer