ในยุคที่เทคโนโลยีได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน อีคอมเมิร์ซหรือการค้าขายออนไลน์ก็ได้กลายมาเป็นแรงผลักดันสำคัญที่เปลี่ยนแปลงโลกของธุรกิจและการช้อปปิ้งไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะหลังการระบาดของ COVID-19 ที่ผลักดันให้คนหันมาช้อปออนไลน์มากขึ้น กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อีคอมเมิร์ซเฟื่องฟูยิ่งกว่าเดิม

แต่แม้จะสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้นานแล้ว แต่การช้อปออนไลน์เพิ่งจะได้รับความนิยมเมื่อไม่นานมานี้ เนื่องจากในอดีตคนมองว่าการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์จะได้รับของไม่ตรงปก เสียเวลา เสียความรู้สึก แต่ทุกวันนี้ไม่เป็นเช่นนั้น

การช้อปออนไลน์ถูกยกระดับมาตรฐานขึ้น ทั้งสามารถดูรีวิวสินค้าจริงในคอมเมนต์ก่อนซื้อ ติดต่อกับร้านค้าได้โดยตรง ติดตามสถานะการขนส่งได้แบบเรียลไทม์ ความมั่นใจในการซื้อสินค้ามีมากขึ้น

ข้อมูลจาก Priceza ระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2570 มูลค่าของตลาดในไทยจะพุ่งไปถึง 1,600,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตกว่า 14% และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน พบว่า ประเทศไทยมีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับสอง ด้วยมูลค่า 980,000 ล้านบาท รองจากอินโดนีเซียที่มีจำนวนประชากรระดับร้อยล้านคน

ขณะที่รายงาน Thailand Digital Outlook ปี 2567 ของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า คนไทยกว่า 40.37% ซื้อสินค้าออนไลน์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 428.71 บาทต่อครั้ง จากปีก่อนหน้าอยู่ที่เพียง 375 บาทต่อครั้ง โดยที่อีมาร์เก็ตเพลสยอดนิยมยังคงตกเป็นของ Shopee ตามด้วย Lazada และ Amazon.com

ด้วยมูลค่าการเติบโตระดับนี้ทำให้ตลาดอีคอมเมิร์ซโดยเฉพาะอีมาร์เก็ตเพลสในไทยมีการแข่งขันที่ดุเดือด ทั้งโหมโฆษณา อัดโปรโมชั่น แจกดีลส่งฟรี เพื่อแย่งชิงลูกค้าให้เลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของตน การช้อปออนไลน์จึงเฟื่องฟูสุดขีดในยุคนี้

อีมาร์เก็ตเพลสที่คนไทยรู้จักกันดีก็อย่างเช่น  Shopee, Lazada, TikTok Shop, Temu, Amazon.com  ซึ่งแพลตฟอร์มเหล่านี้ล้วนได้รับการออกแบบ (User Interface) UI ให้ใช้งานง่าย ทำให้มีฐานผู้ใช้งาน  Active User ต่อเดือนที่สูงมาก เกินกว่าระดับร้อยล้านคนจากทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยจำนวนผู้ใช้งานระดับนี้ นอกจากการจัดจำหน่ายสินค้าแล้ว หลายแบรนด์ยังมองไปถึงการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์ม หันมาทำแคมเปญกันบนอีมาร์เก็ตเพลส จนทำให้การทำการตลาดด้วย E-Commerce กำลังเป็นที่นิยม เพราะช่องทางนี้ช่วยแบรนด์เพิ่มโอกาสในการเห็นสินค้า สร้างการรับรู้แคมเปญได้ชัดเจน

ทำไม E-Marketplace จึงเป็นช่องทางที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความสำคัญ

1. การเข้าถึงลูกค้าใหม่ – ร้านค้าปลีกออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Amazon.com ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งรวมผู้บริโภคที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ได้กว้างขวางทั่วโลก

ยกตัวอย่าง การที่ Garnier Color Naturals แบรนด์บิวตี้อันดับหนึ่งของไทย ไปจับมือกับ Shopee แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่ง เพื่อเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมไปกับการช้อปปิ้งอย่างเนียน ๆ  ในแคมเปญ Summer Palette by Garnier Color Mix ที่ให้ลูกค้าสามารถใช้โทรศัพท์มือถือสแกนใบหน้า ก็จะเห็นภาพตัวเองในสีผมเฉดต่าง ๆ ของการ์นิเย่ได้แบบเรียลไทม์ พร้อมกับแสดงลิงก์สินค้าผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่จะเชื่อมโยงไปยังหน้าร้านค้าบน Shopee ทันที

ซึ่งกลุ่มลูกค้าของทั้งการ์นิเย่และ Shopee คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ที่ชื่นชอบการใช้เทคโนโลยีเป็นทุนเดิม การจับมือในแคมเปญนี้จึงเป็นจุดเชื่อมต่อในการเข้าถึงลูกค้าในระดับที่กว้างขึ้นของทั้งสองแบรนด์

2. ลดการพึ่งพาคู่ค้าปลีก – การเปิดหน้าร้านร่วมกับ Retail Ecommerce จะช่วยให้แบรนด์ลดการพึ่งพาคู่ค้าปลีก กระจายความเสี่ยงในการวางจำหน่ายตามสโตร์เพียงอย่างเดียว ประกอบกับในปัจจุบันพื้นที่เชลฟ์ในร้านค้าปลีกต่าง ๆ มีค่าเช่าสูง และข้อจำกัดก็มากเช่นเดียวกัน

แต่ใน Retail Ecommerce ข้อจำกัดจะลดลง แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง นำเสนอสินค้าได้เท่าที่ต้องการ ทั้งยังสามารถตั้งราคากลาง และสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างได้ด้วยแบรนด์เอง ที่สำคัญยังทำให้แบรนด์ได้เปรียบในเรื่องการเก็บ Data เชิงลึกของลูกค้า เพื่อปรับปรุงกลยุทธ์และนำเสนอสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

 3. เพิ่มการรับรู้แบรนด์ – การแสดงสินค้าในแพลตฟอร์ม Retail Ecommerce จะช่วยให้แบรนด์ปรากฏต่อสายตาผู้บริโภคบ่อยขึ้น เพิ่มโอกาสสร้าง Brand Awareness ในกลุ่มนักช้อปออนไลน์ อีกทั้งความเห็นและรีวิวของลูกค้า จะช่วยขับเคลื่อนเรื่องการตลาดแบบปากต่อปากได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

และยิ่งในบางครั้งที่เมื่อแพลตฟอร์มมีแคมปญ Double Day จะมีผู้เข้าใช้งานสูงกว่าปกติ จะยิ่งช่วยเรื่องการรับรู้แบรนด์ได้เป็นอย่างดี เพราะการได้พื้นที่แสดงแคมเปญอยู่หน้าแรกของแพลตฟอร์มจะทำให้ผู้ใช้งานหลายล้านคนเห็นแบรนด์ของเราอย่างชัดเจน

ตัวอย่างแคมเปญของ Garnier ที่ขึ้นมา Takeover Media อยู่บนหน้าแรกของ Shopee เป็นครั้งแรก จากที่ไม่เคยมีการชูแคมเปญของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งมาก่อน เป็นอีกนัยหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นการโฆษณาบนอีมาร์เก็ตเพลสอย่างเด่นชัด

4. กลยุทธ์เชิงรับ – การไม่มีตัวตนบน Retail Ecommerce ในแง่มุมหนึ่งอาจเป็นการปล่อยให้คู่แข่งของเราเข้าไปแทนที่ช่องว่างนั้น

5. ยกระดับแบรนด์สู่สากล – แพลตฟอร์มจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก ขณะเดียวกันแบรนด์ก็ต้องเผชิญกับคู่แข่งที่มาจากทั่วโลกด้วยเช่นกัน ส่งผลให้การแข่งขันในช่องทางนี้ค่อนข้างดุเดือด

6. ช่วยขับเคลื่อนยอดขาย – เนื่องจากหน้าร้านออนไลน์นี้สามารถเปิดให้บริการได้ตลอด 24 ชม.  โดยไม่ต้องเสียค่าเช่าที่เพิ่ม แบรนด์เปิดจำหน่ายได้ทั้งวันทั้งคืน เพิ่มโอกาสในการซื้อของลูกค้า

อีมาร์เก็ตเพลสไม่ใช่เพียงช่องทางขายสินค้า แต่จะกลายเป็น ecosystem ที่แบรนด์ขาดไม่ได้ เพราะความสะดวกที่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกวันทุกเวลา จำเป็นอย่างยิ่งที่แบรนด์ต้องปรับตัวและใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมจึงจะสามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืนในโลกแห่งการค้าดิจิทัลที่การแข่งขันสูงลิ่ว

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer