Trends / ด้วยจำนวนประชากรมหาศาล มากเป็นอันดับ 2 ของโลก จีนจึงเป็นตลาดใหญ่ที่อุตสาหกรรมต่าง ๆ มุ่งที่จะเจาะให้ได้ ซึ่งวงการเพลง K-pop ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยในช่วงขาขึ้น จีนถือเป็นตลาดใหญ่สุดของเพลงจากวงและนักร้องจากเกาหลีใต้
ทว่าก็มีเหตุให้จมอยู่ในขาลงนานหลายปี และเพิ่งกลับมาคึกคักเมื่อปีที่แล้วนี่เอง แต่เมื่อดีขึ้นแล้วสัญญาณบวกก็ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาณล่าสุดคือ งานพบปะแฟนเพลง (Fanmeet) ของ มาร์ค สมาชิกวง NCT แบบห้างสรรพสินค้าในจีนแทบแตก หลังมีแฟน ๆ มากันหลายพันคน

ช่วงครึ่งแรกของยุค 2010 จีนถือเป็นตลาดใหญ่สุดของวงการเพลง K-pop โดย ณ ขณะนั้นนอกจาก คอนเสิร์ตมากมายแล้ว บรรดาค่ายเพลง K-pop ยังเพิ่มการเข้าถึงและขยายด้อมแดนมังกรด้วยกลยุทธ์มีสมาชิกชาวจีนเข้าไปในวงต่าง ๆ
ท่ามกลางข้อมูลว่า จำนวนสมาชิกชาวจีนของ K-pop แต่ละวงในช่วงนั้นมีมากถึงกว่า 30% เลยทีเดียว แต่แล้วตลาด K-pop ก็เจอฟ้าผ่า
ปี 2016 จีนไม่พอใจที่เกาหลีใต้ซื้อระบบขีปนาวุธจากสหรัฐฯ เพราะเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้สหรัฐฯ เข้ามามีอิทธิพลต่อประเทศในเอเชียตะวันออกเพิ่มอีก แม้หากสืบย้อนไปจะมาจากการที่เกาหลีเหนือเพิ่มระดับการคุกคามเกาหลีใต้ก็ตาม

ผลจากความไม่พอใจดังกล่าว จีนจึงตอบโต้ด้วยการสั่งห้ามจัดคอนเสิร์ตของ K-pop ซึ่งมีผลกระทบอย่างมาก เพราะคอนเสิร์ตถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญ นี่ไม่ต่างจากการตัดเส้นเลือดใหญ่ของวงการ K-pop
จากนั้น K-pop ในจีนก็ร่วงสู่ขาลง ยืนยันได้จากยอดขายเพลง K-pop ในจีนและสมาชิกชาวจีนของแต่ละวงที่ลดลงไป และยังเป็นเหตุให้แต่ละค่ายหันไปบุกตลาดใหญ่ในซีกโลกตะวันตกอย่างสหรัฐฯ และประเทศแถบยุโรปแทนอีกด้วย

พอถึงปี 2020 สมาชิกชาวจีนหรือที่พูดภาษาจีนได้อยู่ที่เพียง 12% เท่านั้น ลดลงเกินครึ่งหนึ่งจาก 30% ในช่วงขาขึ้น ต่อมาก็ร่วงอีกหลังรัฐบาลจีนเข้ามาจัดระเบียบวงการบันเทิง และซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โควิด
ปี 2022 สถานการณ์แย่ลงไปอีก ค่ายเพลง K-pop ใหญ่ ๆ ตัดจีนออกจากการเดินสายเฟ้นหาสมาชิกใหม่ แล้วหันไปหาวัยรุ่นที่มีแววจากญี่ปุ่นและประเทศกลุ่ม ASEAN แทน
แต่แล้วมรสุมที่ถาโถมวงการ K-pop ในจีนก็ผ่านพ้นไป โดยปี 2024 จีนเปิดฟรีวีซ่าให้ชาวเกาหลีใต้ และเกาหลีใต้ตอบรับด้วยการเปิดฟรีวีซ่าให้ชาวจีนเช่นกัน
นี่ทำให้เริ่มมีการจัดแฟนมีตและคอนเสิร์ตของวง K-pop ในจีน และปีนั้นยอดส่งออกเพลง K-pop ไปจีนขึ้นมาอยู่ที่ 59.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,962 ล้านบาท) เพิ่มจาก 33.9 ล้านดอลลาร์ของปี 2023 (ราว 1,112 ล้านบาท)
มาปี 2025 สัญญาณบวกต่อเพลง K-pop ในจีนก็มีออกมาอีกอย่างต่อเนื่อง โดยแค่ไตรมาสแรก ยอดส่งออกเพลง K-pop ไปจีน ก็อยู่ที่ 12.96 ล้านดอลลาร์ (ราว 425 ล้านบาท) แซงทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และไต้หวัน
นอกจากนี้ เมื่อปลายไตรมาสแรก NCT WISH กลุ่มย่อยของ NCT ก็เพิ่งมาโปรโมตในจีน ขณะที่ วง IVE และ TWICE ก็มาโปรโมตที่จีนในเวลาไล่เลี่ยกัน

ข้ามมา 19-25 เมษายน มาร์ค สมาชิกวง NCT ก็มาจัดแฟนมีตที่ห้างสรรพสินค้าในเมืองกว่างโจวเพื่อโปรโมตอัลบัมเดี่ยว ซึ่งมีแฟนมาร่วมงานมากถึง 5,000 คน ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ส่วน 31 พฤษภาคม วง EPEX ก็จะจัดคอนเสิร์ตแบบใหญ่ โดยถือเป็นคอนเสิร์ตใหญ่ของวง K-pop ในจีนครั้งแรกในรอบ 9 ปี
สื่อเกาหลีใต้รายงานอิงทัศนะของกูรูวงการ K-pop ว่า ขาขึ้นรอบนี้อาจไปต่อได้อีก เพราะจีนต้องการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศหลังเผชิญสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
และถ้าจีนไม่ขัดแย้งหรือไม่พอใจเกาหลีใต้อีก ขาขึ้นก็จะไปต่ออีกในระยะยาว จนอาจทำให้ค่ายเพลง K-pop หันมาทุ่มลงทุนในจีนอีกครั้ง/koreatimes
–
