SAPPE เผชิญยอดส่งออกไตรมาสแรกลด จากผลกระทบเศรษฐกิจโลก รายได้หด 37% ขณะ Mogu Mogu แบรนด์หลักที่ทำรายได้กว่า 80% เดินหน้าขยายสู่ขนมและแคมเปญใหม่ หวังดันยอดฟื้นครึ่งปีหลัง

คุณปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ สัดส่วนรายได้จากการส่งออกลดลงมาอยู่ที่ 65% ขณะที่รายได้ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 35% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ส่งออกอยู่ที่ 80% และในประเทศเพียง 20% โดยประเทศที่มียอดส่งออกลดลงมากที่สุดคือฝรั่งเศส เนื่องจากยังมีสต็อกค้างอยู่ การชะลอตัวของการส่งออกเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ความเสี่ยงจากสงครามการค้า และสถานการณ์ความขัดแย้งระดับโลก อย่างไรก็ตาม รายได้ในประเทศเติบโตขึ้นถึง 20%
“ไตรมาสแรกปีนี้นับเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปีนับจากช่วงโควิด เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากฝรั่งเศสและอังกฤษ ชะลอตัวเพราะยังมีสินค้าคงคลัง แต่คาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถแก้ปัญหาสต็อกในยุโรปได้ ซึ่งยอดสั่งซื้อในไตรมาสสองเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว บริษัทมองว่าไตรมาสแรกน่าจะเป็นจุดต่ำสุด และครึ่งปีหลังจะกลับสู่ภาวะปกติ”
ทั้งนี้ ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มในหลายประเทศยังคงติดลบ ส่วนในประเทศไทยแม้ไม่หดตัว แต่ก็ยังไม่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังซบเซา
Mogu Mogu น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว ถือเป็นสินค้าหลักของ SAPPE โดยคิดเป็นกว่า 80% ของยอดขายทั้งหมด กลุ่มลูกค้าหลักคือคนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z และ Gen Alpha แต่ในบางประเทศมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น เพราะ Mogu Mogu ถูกใช้เป็นมิกเซอร์สำหรับผสมเครื่องดื่ม

ในปี 2568 บริษัทปรับกลยุทธ์ขยาย Mogu Mogu ไปไกลกว่าหมวดเครื่องดื่ม โดยเข้าสู่กลุ่มขนมขบเคี้ยวและ “Snackable Drink” หรือเครื่องดื่มที่สามารถเคี้ยวได้ พร้อมเปิดตัวแคมเปญใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวแคมเปญ “สดชื่นแบบรักตัวเอง” โดยมี “โยชิ รินรดา” เป็นพรีเซ็นเตอร์ของ Sappe Beauti พร้อมเปิดตัวเครื่องดื่ม 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ Beauti Gluta Glory กลิ่นสตรอว์เบอร์รี่ และ Beauti Passion กลิ่นเลมอนมะนาว
นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มผสมวิตามิน “B’lue” (บลู) ที่เปิดตัว 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ รสแตงโมปั่น (Watermelon Smoothie) และรสโยเกิร์ตเจลลี่ (Yogurt Jelly) รวมถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ Sappe Aloe Vera ที่เพิ่ม 2 รสชาติใหม่ ได้แก่ ชาพีช และชาองุ่นมัสคัต ส่วนแบรนด์ All Coco ก็มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“ปีนี้ เราให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลัก คือ การเข้าถึงลูกค้า การเข้าใจอินไซต์ผู้บริโภค และการบริหารจัดการหน้าร้าน พร้อมปรับแผนกลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านสต็อกสินค้า”
ปัจจุบัน SAPPE ส่งออกสินค้าไปยัง 100 ประเทศทั่วโลก โดยตลาดหลัก ได้แก่ เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ
ด้าน Global Campaign ที่เคยร่วมกับไอดอล K-pop วง Seventeen ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ได้สิ้นสุดสัญญาไปในไตรมาสแรกของปี 2568 แคมเปญนี้ประสบความสำเร็จในการดึงกลุ่มแฟนเคป็อปเข้ามาเป็นลูกค้า แต่ในปีนี้ SAPPE วางกลยุทธ์ใหม่ โดยปรับแคมเปญให้เหมาะสมกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศมากขึ้น
Global Campaign ใหม่ของ Mogu Mogu ปีนี้ใช้แนวคิด “Life’s too Short, You Gotta Chew” มุ่งสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงทางสังคม (Social Connection) มีความกลัวการตกกระแส (FOMO) ต้องการความพึงพอใจแบบรวดเร็ว (Instant Gratification) และมีไลฟ์สไตล์สนุกสนาน (Playful & Fun) โดยใช้ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ตั้งแต่โซเชียลมีเดีย กิจกรรมการตลาดเชิงประสบการณ์ ไปจนถึงคอนเทนต์ที่สื่อสารอารมณ์และความรู้สึกร่วม
ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรทั่วโลก SAPPE ตั้งเป้าขยายฐานผู้บริโภคของ Mogu Mogu ให้กว้างขึ้นในปีนี้ พร้อมสร้าง Engagement กับแฟน ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดสำคัญอย่างเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ฝรั่งเศส และอังกฤษ
อย่างไรก็ตาม บริษัทแสดงความกังวลต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลทรัมป์ แม้สัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ จะน้อยกว่า 5% แต่ผลกระทบทางอ้อม เช่น กำลังซื้อของผู้บริโภค และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ก็อาจกระทบต่อภาพรวมได้เช่นกัน
