ตลอดปีที่ผ่านมา MK Group เผชิญความท้าทายสำคัญจากผลประกอบการที่ปรับตัวลดลง สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันในตลาดร้านสุกี้ที่รุนแรงขึ้น มีผู้เล่นรายใหม่อย่าง “สุกี้ตี๋น้อย” และ “ลัคกี้สุกี้” เข้ามาเจาะกลุ่มตลาดแมสด้วยรูปแบบบุฟเฟต์ที่เข้าถึงง่าย

ในขณะที่ “MK Suki Restaurant” ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ MK Group ไม่สามารถปรับกลยุทธ์ลงมาเล่นในตลาดนี้ได้ เนื่องจากภาพลักษณ์เดิมที่เน้นตลาดพรีเมียมแมสและให้บริการแบบอะลาคาร์ทมาโดยตลอด

เมื่อรายได้จากพอร์ตธุรกิจหลักมีแนวโน้มลดลง MK Group จึงต้องการขยายพอร์ตโฟลิโอไปสู่ธุรกิจอาหารแบรนด์ใหม่ ๆ หนึ่งในนั้นคือการเข้าซื้อหุ้น 65% ของร้านอาหารแบรนด์ “แหลมเจริญซีฟู้ด” ผ่านบริษัท คาตาพัลท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือ ด้วยงบลงทุนกว่า 2,060 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2562 เพื่อสร้างโอกาสเติบโตและกระจายความเสี่ยงจากการแข่งขันในตลาดเดิม

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แหลมเจริญซีฟู้ดถือเป็นธุรกิจที่มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นการเติบโตมากกว่า MK Group

 

อ้างจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า บริษัท แหลมเจริญซีฟู้ด จำกัด มีผลประกอบการดังนี้

 

ปี 2565

รายได้รวม 893 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.1%

กำไร 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 873.2%

 

ปี 2566

รายได้รวม 1,015 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.7%

กำไร 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.4%

 

ปี 2567

รายได้รวม 1,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3%

กำไร 87 ล้านบาท ลดลง 14.1%

 

ส่วนธุรกิจรวมของ MK Group ซึ่งประกอบด้วย MK Suki Restaurant, Yayoi และแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ รวมถึงแหลมเจริญซีฟู้ด ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและรายงานประจำปีพบว่ามีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

 

ปี 2565

รายได้รวม 15,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2%

กำไร 1,439 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 998.3%

 

ปี 2566

รายได้รวม 16,974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5%

กำไร 1,682 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9%

 

ปี 2567

รายได้รวม 15,809 ล้านบาท ลดลง 7.5%

กำไร 1,442 ล้านบาท ลดลง 14.3%

 

สำหรับการเติบโตของ “แหลมเจริญซีฟู้ด” Marketeer มองว่าตลาดร้านอาหารซีฟู้ดในศูนย์การค้ามีการแข่งขันไม่รุนแรงเท่ากลุ่มร้านอาหารประเภทอื่น เนื่องจากจำนวนคู่แข่งยังไม่มากนัก ทำให้การแข่งขันของแหลมเจริญซีฟู้ดจึงเน้นการดึงดูดลูกค้าให้เลือกใช้บริการร้านตนเองเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารซีฟู้ดยังมีความท้าทายสำคัญ คือเรื่องความสดของวัตถุดิบและราคาที่ผู้บริโภคบางส่วนมองว่าเข้าถึงได้ยาก เพราะติดภาพว่าอาหารทะเลมักมีราคาสูง อีกทั้งยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้าที่แพ้อาหารทะเล โดยเฉพาะกุ้ง ซึ่งเป็นอาหารทะเลที่คนไทยมีอัตราการแพ้มากที่สุด

เพื่อแก้โจทย์นี้ แหลมเจริญซีฟู้ดจึงใช้กลยุทธ์จัดเซ็ตเมนูราคาพิเศษ ให้ลูกค้าเลือกจานโปรดได้ตามต้องการ ช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น และเพิ่มเมนูที่ไม่ใช่อาหารทะเลเข้ามาในเมนู เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น

ในปี 2568 แหลมเจริญซีฟู้ดมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5 แห่ง พร้อมปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัยและเข้าถึงง่ายขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ หลังจากที่ผ่านมาฐานลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มครอบครัว คนทำงานรายได้ปานกลางถึงสูง และนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ไม่เพียงแต่แหลมเจริญซีฟู้ดที่เดินหน้าขยายตลาดเพื่อเสริมพอร์ตธุรกิจให้ MK Group เท่านั้น แต่ฝั่ง MK Suki Restaurant เองก็มีการปรับกลยุทธ์เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่เช่นกัน ทั้งในแง่ภาพลักษณ์และแคมเปญการตลาด

ตัวอย่างเช่น การสร้างกิมมิกปรับชื่อแบรนด์จาก “MK Suki Restaurant” เป็น “Mongkol” ในช่วงเทศกาลตรุษจีน รวมถึงการจัดโปรโมชั่นพิเศษ เช่น บุฟเฟต์ราคา 299 บาทในบางสาขา เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

ผลจากแคมเปญเหล่านี้ส่งผลให้รายได้รวมในช่วงจัดโปรโมชั่นเติบโตถึง 49% อีกทั้งยังมีการพัฒนาเมนูใหม่ เช่น ชุดสุกี้ผัดแห้ง เพื่อสร้างความแปลกใหม่และกระตุ้นให้ผู้บริโภคพูดถึงแบรนด์อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามกันต่อไปว่าเมื่อสิ้นปี 2568 MK Suki Restaurant จะสร้างสถิติรายได้ใหม่ได้แค่ไหน และแหลมเจริญซีฟู้ดจะรักษาการเติบโตได้ดีเพียงใด ท่ามกลางภาพรวมตลาดร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ KResearch คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมกว่า 657,000 ล้านบาท เติบโต 4.6% จากจำนวนร้านราว 690,000 ร้าน แบ่งเป็นตลาดร้านอาหาร 572,000 ล้านบาท (เติบโต 4.8%) และตลาดเครื่องดื่มรวมเบเกอรี่และไอศกรีม 85,320 ล้านบาท (เติบโต 3.2%)

 

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer