Samsung จากผู้นำด้านเทคโนโลยี สู่แบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคไทยในทุกจังหวะชีวิต กรณีศึกษา ตู้เย็น

ในยุคที่เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นส่วนสำคัญของการใช้ชีวิต Samsung คือหนึ่งในแบรนด์ที่สามารถเปลี่ยนภาพของตู้เย็นจากเครื่องใช้ไฟฟ้าธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์กลางความเชื่อมโยงของบ้านได้อย่างเต็มรูปแบบ

ด้วยความเข้าใจอินไซต์ของตลาดอย่างลึกซึ้งและการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง Samsung จึงสามารถครองใจผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง และคว้ารางวัล No.1 Brand Thailand 2025 ในหมวดผลิตภัณฑ์ตู้เย็นต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 ไปครองอย่างภาคภูมิ
ตลาดที่แข่งขันสูง แต่Samsungโดดเด่นด้วยความเข้าใจ

ตลาดตู้เย็นในไทยมีมูลค่ากว่า 16,000 ล้านบาท และมีการแข่งขันที่ดุเดือดทั้งในด้านราคาและเทคโนโลยี แต่Samsungเลือกวางตำแหน่งตัวเองต่างออกไป ด้วยการโฟกัสไปที่กลุ่ม Premium Segment อย่าง Side-by-Side ที่มียอดเติบโตต่อเนื่อง

โดยตลาดตู้เย็น Side-by-Side ในประเทศไทยปี 2024 ขยายตัวมากถึง 27% สะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับขนาดที่ใหญ่ขึ้น การใช้งานที่หลากหลาย และกลายเป็น Key Highlight ของตลาดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

“ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านไทย ผู้บริโภคกลุ่มสินค้าพรีเมียมกำลังมองหา ‘เทคโนโลยีที่เข้าใจชีวิต’ มากกว่าแค่ฟังก์ชันพื้นฐาน” สารัช อักษราลิขิตสันติ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว

ขณะเดียวกันในกลุ่ม Top Mounted Freezer หรือที่เรียกกันว่า TMF ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ระดับกลาง Samsungก็ยังมีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะรุ่น Top Size ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้ครอบครัวขนาดใหญ่หรือผู้ที่ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันเต็มรูปแบบ

สิ่งที่ Samsung มองไกลไปกว่านั้น คือการสร้างจุดต่างด้วยเทคโนโลยีที่ไม่เพียงแค่ “ทันสมัย” แต่ต้อง “เข้าใจ” ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ เช่น feature อย่าง AOD หรือ Auto Open Door ที่สามารถแตะสัมผัสเบาๆที่เซนเซอร์หน้าบานตู้เย็นเพื่อเปิดตู้เย็นอัติโนมัติ ไม่ต้องกระชากเปิดตู้เย็นแรงๆโดยเฉพาะสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ หรือมือไม่ว่างเพราะถือของเต็มสองมือ ก็สามารถสั่งเปิดตู้เย็นด้วยเสียงได้

จากเครื่องใช้ไฟฟ้า สู่ ศูนย์กลางอัจฉริยะในบ้าน

“ตู้เย็นไม่ใช่แค่ที่เก็บของสดอีกต่อไป แต่คือศูนย์กลางของบ้าน” นี่คือแนวคิดที่ทีมพัฒนาของSamsungวางไว้ตั้งแต่การเริ่มต้นโครงการ SmartThings และ AI Home ซึ่งในวันนี้ได้กลายเป็นจริงแล้วในระดับหนึ่ง

ตู้เย็นของSamsungรุ่นใหม่ ๆ มาพร้อมกับหน้าจออัจฉริยะ AI Home Display ขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อกับมือถือ รับสาย ดู YouTube ฟังเพลง เตือนว่าของในตู้เย็นใกล้หมดอายุ หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์ IoT ได้ทั้งบ้าน เปิดปิดไฟ ผ้าม่าน ประตูบ้าน ทีวี แอร์ เครื่องซักผ้า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น ทั้งหมดนี้ทำได้ใน AI Home screen

Insight ที่น่าสนใจคือ แม่บ้านจำนวนมากมักเจอ missed call ระหว่างทำงานบ้าน เพราะไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์

ด้วยเหตุนี้ Samsungจึงออกแบบให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นสามารถรับสายและคุยโทรศัพท์ผ่านหน้าจอที่ตู้เย็นได้ หรือกระทั่งเครื่องดูดฝุ่นก็มี Notification เมื่อมีสายโทรเข้า เพื่อไม่ให้ผู้ใช้พลาดการสื่อสารแม้อยู่คนละโซนในบ้าน

Educate ผู้บริโภค สู่การใช้งานเต็มศักยภาพ

แม้ผู้บริโภคไทยจะเริ่มคุ้นเคยกับคำว่า AI มากขึ้น แต่การนำมาใช้จริงในชีวิตประจำวันยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร Samsungจึงมองว่าหน้าที่สำคัญไม่ใช่แค่พัฒนาเทคโนโลยี แต่คือต้อง “สื่อสารให้คนใช้เป็น”

ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำฟีเจอร์ผ่านแคมเปญ การวางกลยุทธ์ Media แบบ Omni-Channel หรือการใช้ Data จากออนไลน์และหน้าร้านมาออกแบบโปรโมชั่นและจุดขายให้เหมาะกับช่วงเวลาแบบ Weekly Strategy ทุกการขับเคลื่อนแบรนด์ของSamsungมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ได้เต็มศักยภาพ

นวัตกรรมที่ตอบ Unmet Need

Samsungมองการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก Pain Point จริงของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ Smart Conversion 5-in-1 ปรับเปลี่ยนโหมดสลับอุณหภูมิตามการใช้งานได้ 5 รูปแบบ ได้แก่ Normal, Seasonal, Vacation, Extra Fridge, และ Home Alone ซึ่งเป็นข้อดีของระบบทำความเย็นแบบ Twin Cooling อันเป็นเอกลักษณ์ของSamsung ทำให้ ช่องฟรีซหรือช่องแช่เย็น สามารถเปิด-ปิด

หรือสลับเปลี่ยนเป็นช่องฟรีซให้แช่ผักได้ ช่วยเพิ่มพื้นที่การแช่ หรือไม่อยู่บ้านหลายวันก็ปิดช่องแช่เย็น ช่องฟรีซ ทำให้เซฟค่าไฟได้ ทั้งหมดนี้สามารถควบคุมตู้เย็นได้จากทุกที่ผ่านแอป SmartThings แถมยังมีที่ช่วยตรวจจับอุณหภูมิ แจ้งเตือนเมื่อปิดประตูไม่สนิท และแสดงการใช้พลังงานแบบ Real-Time บนแอปพลิเคชันมือถือ

อนาคตของ AI จากมุมมองSamsungคือการใช้ระบบเรียนรู้จากข้อมูลเพื่อบอกได้ว่า อาหารในตู้หมดอายุหรือยัง ของที่เหลือสามารถนำไปทำเมนูอะไรได้บ้าง ควรเติมของอะไร และสามารถช้อปผ่านแอปได้ทันที เหล่านี้คือเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความสะดวกมากขึ้น สมาร์ทมากขึ้น

ความยืดหยุ่นที่ตอบไลฟ์สไตล์คนเมือง

อีกหนึ่งจุดแข็งที่ถูกพูดถึงคือการออกแบบดีไซน์ให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมที่อยู่อาศัยของผู้คนที่มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด ทาวน์เฮาส์ หรือออฟฟิศ ตู้เย็น Bespoke คือกลุ่มสินค้าที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเลือกสีหน้าบานของตู้เย็นให้เข้ากับบ้านหรือคอนโดของตัวเองได้ เพราะในวันที่ฟังก์ชันคือพื้นฐานแล้ว “การมีตัวเลือก” จึงกลายเป็นจุดต่างใหม่ที่เพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

นอกจากนวัตกรรมภายนอก Samsungยังใส่ใจบริการหลังการขายแบบยาวนาน โดยคุณสารัช ได้อัปเดตว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าSamsungได้เปิดตัวบริการ Samsung Care+ Premium (SC+) ที่คล้ายกับ Samsung Care+ ในกลุ่มสินค้าสมาร์ทโฟน

โดยบริการครอบคลุมการบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบครบวงจร ทั้งการทำความสะอาดตู้เย็น เครื่องซักผ้า การดูแลเชิงลึก และยังมั่นใจไปกับการรับประกันที่ยาวนานที่สุดในตลาด รับประกันมอเตอร์ หรือคอมเพรสเซอร์ยาวนานถึง 20 ปี

No.1 Brand เพราะไม่เคยหยุดพัฒนา

ตลอดปีที่ผ่านมา สิ่งที่Samsungทำได้ดี คือการสร้างความแตกต่างผ่านนวัตกรรม โดยไม่ต้องลงไปเล่นในสงครามราคา กับสิ่งที่ต้องพัฒนาเพิ่ม คือการทำให้คนรับรู้และใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ที่มีอยู่จริงอย่างเต็มที่

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การจะเป็นเบอร์หนึ่งในใจคนไทยได้ ไม่ใช่แค่ขายดี แต่ต้อง “เข้าใจ” และ “อยู่กับผู้บริโภค” อย่างต่อเนื่องในทุกมิติของชีวิต

และ Samsung ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขาไม่ใช่แค่ผู้ผลิตตู้เย็น แต่คือผู้สร้างอนาคตของบ้านที่ดีกว่า ในวันนี้ และวันข้างหน้า

เพราะ ตู้เย็นที่ดี ไม่ใช่แค่เครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป…แต่ต้องเข้าใจคนใช้ในทุกมิติการใช้งาน และนั่นคือเหตุผลที่Samsungยังเป็น No.1 Brand Thailand อย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้

อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้ที่ 
Website : Marketeeronline.co / Facebook : www.facebook.com/marketeeronline


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer