เมื่อโลกเข้าสู่สถานการณ์ความโกลาหล ไม่ว่าจะมุมใดของโลก แผ่นดินไหว สึนามิ สงคราม ภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ การปฏิวัติ AI ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน จนหลายคนหวั่นใจ
แต่นี่ไม่ใช่วันสิ้นโลกอย่างที่ทุกคนพูดถึงตามพระคัมภีร์หรือมังงะ เพียงแต่โลกกำลังเผชิญช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน
ปัจจุบันเราเผชิญกับภัยพิบัติทุกประเภททั่วโลกแบบเรียลไทม์ ผ่านข่าวสารและโซเชียลมีเดียตลอด 24 ชั่วโมง และกำลังนำไปสู่ “ความเหนื่อยล้าจากวิกฤต” หรือแม้กระทั่งความคิดแบบวันสิ้นโลก
แต่จำไว้ว่า มนุษย์ได้ผ่านพ้นการระบาดใหญ่ สงครามโลก ภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ และปรับตัวมาแล้ว
มาดูกันว่าเกิดอะไรขึ้นทั่วโลก ณ กลางปี 2025
2025 แค่ครึ่งปีก็เหนื่อยมากแล้ว
1. วิกฤตสภาพภูมิอากาศ
ภัยพิบัติที่เพิ่มมากขึ้น สภาพอากาศสุดขั้ว เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในยุโรปและเอเชีย ไฟป่าในแคนาดาและออสเตรเลีย และภัยแล้งครั้งประวัติศาสตร์ในแอฟริกา ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและน้ำแข็งขั้วโลกที่กำลังละลาย ทำให้ชุมชนชายฝั่งต้องอพยพ ตลอดจนพายุและคลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นบ่อย
2. แผ่นดินไหวและสึนามิ
แผ่นเปลือกโลกที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2025 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริกเตอร์ในคัมชัตกาของรัสเซีย เป็นหนึ่งในแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความลึกเพียง 19–20 กิโลเมตร ซึ่งทำให้ศักยภาพในการเกิดสึนามิสูงขึ้น
นอกจากนี้ เกิดการเตือนภัยสึนามิอย่างกว้างขวางทั่วมหาสมุทรแปซิฟิก ภูมิภาคหลักๆ เช่น ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และชายฝั่งอเมริกาใต้ หลังเผชิญกับคลื่นสูงหลายระดับ (1–5 เมตร) คำเตือนส่วนใหญ่ได้รับการลดระดับหรือยกเลิกแล้ว แต่ยังคงมีการอพยพบางส่วน ซึ่งอาฟเตอร์ช็อกและกระแสน้ำในมหาสมุทรยังคงน่ากังวล
ในญี่ปุ่น ประชาชนกว่า 1.9 ล้านคนอพยพออกจากพื้นที่ชายฝั่งแปซิฟิก (รวมถึงฟุกุชิมะ) โดยพบคลื่นสูง 1–1.3 เมตรในพื้นที่ต่างๆ เช่น ฮอกไกโด ส่วนภูมิภาคแปซิฟิกอื่นๆ ได้แก่ เฟรนช์โปลินีเซีย (มาร์เกซัส) ชิลี เอกวาดอร์ เปรู กาลาปากอส เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน อินโดนีเซีย และรัฐเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกหลายรัฐ ก็ได้ออกคำเตือนหรืออพยพเช่นกันมังงะ

3. ภูเขาไฟปะทุ
หลังจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟคลูเชฟสกายา ซอปกา ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกเหนือ เริ่มปะทุปล่อยลาวา ยิ่งไปกว่านั้นการที่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าอาจเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 7.5 ในอีกไม่กี่วันหรือสัปดาห์ข้างหน้า ยิ่งต้องเฝ้าระวังการปะทุอย่างใกล้ชิด
4. การแข่งขันของมหาอำนาจ
การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ (สหรัฐฯ-จีน รัสเซีย-ตะวันตก) กำลังก่อให้เกิดสงครามตัวแทนและความตึงเครียดทางเศรษฐกิจ
ทั้งสงครามในยูเครน กาซา และยังอาจจุดชนวนที่อาจเกิดในอนาคตคือ ไต้หวัน อิหร่าน กับเกาหลีเหนือ กำลังก่อให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วโลก
- ความขัดแย้งและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง สงครามยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่ 4 โดยยังไม่มีทางออกที่ชัดเจน ประเทศตะวันตกยังคงส่งเสบียงให้ยูเครน ขณะที่รัสเซียได้เพิ่มการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
สงครามนี้ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักของการส่งออกธัญพืช การจัดหาพลังงาน และการขนส่งทั่วโลกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา
- ความตึงเครียดระหว่างจีน-ไต้หวัน
การซ้อมรบและการบุกรุกน่านฟ้าของจีนที่ยังคงดำเนินอยู่ ทำให้ช่องแคบไต้หวันยังคงตึงเครียด ภัยคุกคามจากการคว่ำบาตร การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์) และการปิดล้อมทางทะเล ส่งผลกระทบต่อตลาดเทคโนโลยีและการผลิต
- ความขัดแย้งในตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น
สงครามอิสราเอล-ฮามาส ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะยุติลง นำไปสู่ความไม่มั่นคงในวงกว้าง เกิดการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันจากภูมิภาค ซึ่งกำลังผลักดันให้ราคาพลังงานสูงขึ้นอีกครั้ง
- สงครามเย็นเศรษฐกิจสหรัฐฯ-จีน
แม้จะไม่ใช่สงครามทางทหารโดยตรง แต่สงครามเทคโนโลยีและอุปสรรคทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังนำไปสู่การฉุดเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลต่อธุรกิจชิป AI รถยนต์ไฟฟ้า และส่วนประกอบพลังงานสีเขียว การผลิตทั่วโลกชะลอตัวลง

5. เทคโนโลยีและ AI
การเปลี่ยนแปลงทางสังคมเข้าสู่ยุค AI ระบบอัตโนมัติ และ Fake News กำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การทำงาน และความคิดของมนุษยชาติอย่างรวดเร็ว
6. ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน (Stagflation)
ท่ามกลางสภาวะโลกที่เปราะบางอยู่แล้ว ความตึงเครียดระหว่างประเทศและภัยพิบัติที่ถาโถมกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างรุนแรง อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูง
โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตจากหลากหลายทาง การคาดการณ์ของ IMF และธนาคารโลกแสดงให้เห็นว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะลดลงต่ำกว่า 2.5% ซึ่งใกล้เคียงกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากวิกฤตการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ กระทบต่อความไม่มั่นคงทางอาหาร และภาวะคอขวดของห่วงโซ่อุปทาน กำลังสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจกำลังพัฒนามากที่สุด ตัวอย่าง ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในบางส่วนของแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชียใต้, ราคาน้ำมันดิบซื้อขายสูงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอีกครั้ง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่พึ่งพาการนำเข้า, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการลงทุนภาคธุรกิจในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และเอเชียลดลงเนื่องจากความไม่แน่นอน
วิกฤตการณ์ขนาดใหญ่ที่ซ้อนทับกันหลายกรณี ล้วนกำลังทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปี 2025
แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะเลวร้าย หลายประเทศไม่ได้เพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนนี้ และกำลังลงทุนมากขึ้นในการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศ พลังงานสะอาด รวมถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้า
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ต่างก็เร่งศึกษาและคาดการณ์เหตุการณ์เหล่านี้ เพื่อเตรียมรับมือกับวิกฤตสภาพอากาศ
นี่ยังไม่ใช่ “วันสิ้นโลก” แต่มันอาจเป็น “จุดเปลี่ยผ่าน” ของสังคมโลก
เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของอนาคต
อ้างอิง : Time, Huffpost, Reuters, Aljazeera, Apnews, TheTimes, CBSNews, TheGuardian, APNews, BBC, Newsweek
