แอสคอทท์ เผยภาพรวมธุรกิจ พร้อมกลยุทธ์และแผนเติบโต เดินหน้าลุยขยายพอร์ตไปยังภูเก็ต, หาดใหญ่ รุกตลาดซีเนียร์ลีฟวิ่ง วางเป้าห้องพักภายใต้การบริหารแตะ 10,000 ห้องในปี 2028 ผ่านการเติบโตบนแนวทาง Management Agreement

คุณคณิต แสงมุกดา ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทยและลาว ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ประเทศไทย (แอสคอทท์) ผู้ดำเนินธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์และโรงแรม ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ แคปปิตอล แลนด์ ผู้ลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ของกลุ่มเทมาเส็ก ประเทศสิงคโปร์ 

เปิดเผยว่าปัจจุบัน แอสคอทท์มีโครงการที่เปิดตัวในประเทศไทยทั้งหมด 26 โครงการ กระจายตัวอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งกรุงเทพฯ, พัทยา, ศรีราชา และ ลาว 1 โครงการในเวียงจันทน์ ทั้งอยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 4 โครงการ รวมห้องพักในไทยและลาวกว่า 6,700 ห้อง รวมถึงการบริหารพื้นที่ส่วนกลางให้กับคอนโดมิเนียม โครงการคัลเจอร์ จุฬาฯ และ คัลจอร์ ทองหล่อ

บริษัทกำลังขยายพื้นที่การให้บริการไปยัง จ. ภูเก็ตเป็นครั้งแรก กับโครงการขนาดใหญ่ที่จะประกอบด้วยรีสอร์ตและเรสซิเดนซ์อย่าง ดิแอสคอทท์ อะเบิฟ ป่าตอง ภูเก็ต ซึ่งพัฒนาภายใต้ บริษัท เวิลด์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 2 ปี 2027

อีกทั้งภายในเดือนตุลาคมนี้ บริษัทยังเตรียมเซ็นสัญญาบริหาร โรงแรมโอ๊ควูด หาดใหญ่ จ. สงขลา ขนาดไม่เกิน 200 ห้อง โดยจะเปิดให้บริการห้องพักในกลางปี 2026

บริษัทยังอยู่ระหว่างการพัฒนาธุรกิจให้บริการที่พักสำหรับผู้สูงอายุ ที่ดูแลตัวเองได้ หรือซีเนียร์ลีฟวิ่ง ซึ่งบริษัทเคยมีประสบการณ์ในแอสคอทท์มาเลเซียมาแล้ว เนื่องจากมองเห็นความต้องการในตลาดที่พักสำหรับผู้สูงวัย ที่เน้นการดูแลเชิงสุขภาพ 

กอปรกับปัจจุบันคนไทยเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับกับการอยู่อาศัยในรูปแบบซีเนียร์ลีฟวิ่งมากขึ้น อีกทั้งไทยยังเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของต่างชาติที่ต้องการมาใช้ชีวิตหลังเกษียณอีกด้วย

ด้านภาคท่องเที่ยวของไทยปีนี้ ยังเผชิญความท้าทายทั้งความกังวลเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมองว่าไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่ราคาแพง เมื่อเทียบกับเวียดนามและอินโดนีเซีย ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีของแอสคอทท์จะลดลงใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ติดลบ 7% 

โดยแนวโน้มยอดจอดห้องพักในช่วงฤดูท่องเที่ยวของไทย ไตรมาส 4 ปี 2025 – ไตรมาส 1 ปี 2026 เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ ที่มีหลายสถานการณ์เข้ามากระทบ 

ส่วนของแอสคอทท์ คาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักภายในสิ้นปี 2025 จะเฉลี่ยอยู่ที่เกือบ 70% หากแบ่งสัดส่วนรายได้ตามช่องทางผู้เข้าพัก Online Travel Agents 36%, Corporate Long Stay 23%, Others 23%, Corporate Short Stay 11%, Ascott Star Rewards 6%

บริษัทยังคาดว่าในปี 2026 รายได้จะกลับมาเติบโตได้ 7% และอัตราการเข้าพักเติบโต 5% โดยเน้นการเติบโตผ่านสัญญาบริหารจัดการ (Management Agreement) และระบบแฟรนไชส์ (Franchise Agreement) โดยการทำสัญญาบริหารจัดการคิดเป็นสัดส่วนหลักของสัญญาปัจจุบัน

ทั้งบริษัทยังจะขยายพอร์ตโฟลิโอจากเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ไปสู่รูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น อย่างการให้บริการห้องพักที่สามารถรองรับทั้งการพักระยะสั้น สำหรับนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ และที่พักระยะยาว สำหรับลูกค้าองค์กร ตลอดจนการรับบริหารคอนโดมิเนียม การบริหารแบรนด์เดด เรสซิเดนซ์ ให้กับคอนโดมิเนียมในกลุ่มพรีเมียม

บริษัทได้วางเป้าหมายภายในปี 2028 กลุ่มแอสคอทท์จะมีห้องพักภายใต้การบริหารรวมทั้งสิ้น 10,000 ห้อง ครอบคลุมหลายแบรนด์ อาทิ แอสคอทท์, โอ๊ควูด, ซัมเมอร์เซ็ท, ซิทาดีนส์, Preference, Lyf 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer