หลังเกาหลีใต้ ประสบความสำเร็จในการผลักดันคอนเทนต์ส่งออกต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบเอเชีย ตามแผนซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งมีซีรีส์เป็นหนึ่งในหัวหอก เพื่อโปรโมตประเทศและประโยชน์ด้านต่างๆ ทางเศรษฐกิจ หลายประเทศก็พากันทำตาม 

ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คอนเทนต์เกาหลีใต้ได้เข้าสู่ยุคอิ่มตัว สถานการณ์ดังกล่าวเปิดทางให้ คอนเทนต์ร่วมโซนเอเชียตะวันออกอย่างซีรีส์จีนแทรกขึ้นมา โดยมีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดใหญ่ และดึงดูดประชากรรุ่นใหม่ของโซนนี้ให้ไปเที่ยวจีนกันมากขึ้น 

นาดีโรห์ นาปรี สาวชาวมาเลเซียวัย 27 ปี เผยว่า The Princess Weiyoung (องค์หญิงเว่ยหยาง) เป็นซีรีส์จีนเรื่องแรกๆ ที่ดูจนติด จากนั้นก็เริ่มเรียนภาษาจีน และเดินทางไปเที่ยวจีน ซึ่งหนึ่งในจุดประสงค์หลักก็คือการเที่ยวตามรอยซีรีส์เรื่องนี้นั่นเอง 

ขณะที่ เชอริล โกห์ สาวชาวสิงคโปร์รุ่นเดียวกัน ยอมรับว่าเป็นแฟนซีรีส์จีนเช่นกัน โดยมี Till the End of The Moon (จันทราอัสดง) เป็นเรื่องโปรด และมี หลัว หยุนซี เป็นดาราจีนที่ชอบ ซึ่งเปิดประตูไปสู่ซีรีส์จีนเรื่องอื่นๆ เพราะเห็นว่าเนื้อเรื่องเข้าใจง่ายกว่าซีรีส์เกาหลีหรือญี่ปุ่น หลังตนมีเชื้อสายจีนอยู่แล้ว และก็อยากไปเที่ยวจีนสักครั้ง เพื่อตามรอยซีรีส์เช่นกัน 

ด้าน ตรัน ฮว่าง บ่าว เจิว สาวชาวเวียดนามที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับสองคนด้านบน กล่าวว่า การที่โตมากับละครฮ่องกงและภาพยนตร์กำลังภายในของจีน จึงแทบไม่มีอุปสรรคทางภาษา เข้าใจและสนุกกับซีรีส์จีนยุคใหม่ได้ง่าย โดยมี Wild Bloom (สตรีหาญฉางเกอ) เป็นเรื่องที่ชอบที่สุด เพราะเล่าเรื่องราวการดิ้นรนของนักธุรกิจชาวจีนในยุค 90s ได้อย่างสมจริง 

เกวนโดลิน หยับ นักวิชาการจากสถาบัน ISEAS ในสิงคโปร์ วิเคราะห์ว่า ขาขึ้นของซีรีส์จีน มาในช่วงที่ ผู้ชมชาวอาเซียนกำลังมองหาสิ่งใหม่ๆ หลังเบื่อกับซีรีส์เกาหลีใต้ที่มีมากจนอาจกล่าวได้ว่าท่วมจอแล้วในยุคนี้ 

ปัจจัยบวกที่ส่งให้ซีรีส์จีนโดยเฉพาะคอนเทนต์แนวแฟนตาซี ฮิตในหมู่ชาวอาเซียนรุ่นใหม่ ยังมาจาก เสื้อผ้า-เครื่องแต่งกายที่สวยสะดุด การใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกที่ตระการตา เนื้อเรื่องที่ชวนติดตามซึ่งมักจะอิงจากนิยายกำลังภายในหรือประวัติศาสตร์

ด้าน IQIYI แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งดังของจีน ได้ออกมาย้ำถึงความนิยมของซีรีส์ในโซนอาเซียน โดย ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยอดการค้นหาซีรีส์จีนในประเทศแถบนี้เพิ่มต่อเนื่องจนเริ่มแซงซีรีส์เกาหลีใต้แล้ว โดยไทยคือประเทศที่ยอดผู้ชมรายเดือนสูงสุด ตามมาด้วยเวียดนามและอินโดนีเซีย 

ความนิยมของซีรีส์จีนดังกล่าว ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวจีน โดยผลสำรวจล่าสุดของ ISEAS ในปี 2025 ระบุว่า 6.7% ของกลุ่มตัวอย่างชาวอาเซียนเลือกไปจีนเป็นสถานที่พักผ่อน หากมีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 5.9% ของปี 2024 แม้ยังไม่แซงญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่อยากไปมากสุดก็ตาม 

ส่วนที่หมายในการเที่ยวจีนอันดับต้นๆ ของแฟนซีรีส์จีนชาวอาเซียนคือ สตูดิโอถ่ายคอนเทนต์ Hengdian World Studios ในมณฑลเจ้อเจียง เพื่อสวมชุด “ฮั่นฝู” โบราณ พร้อมถ่ายรูปเป็นตัวละครในซีรีส์จีนแฟนตาซี 

ขณะที่ ฉงชิ่ง ก็เป็นเมืองที่ชาวไทยอยากไปเที่ยวมากสุดในจีน เพราะเป็นต้นตำรับหมาล่า อยากไปลองขึ้นรถไฟทะลุตึกตามรอยอินฟลูเอนเซอร์ และยังเป็นเมืองที่ใช้ถ่ายทำ The First Frost ซีรีส์โรแมนติกเรื่องดังอีกด้วย 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า ความสำเร็จจากอุตสาหกรรมคอนเทนต์จีน สามารถช่วยให้อุตสาหกรรมดังกล่าวของจีนเติบโต และเป็นปัจจัยบวกดึงดูดการท่องเที่ยวจากผู้คนในแถบอาเซียนเท่านั้น แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ทัศนะต่อจีน และระดับความไว้วางใจต่อจีนของคนในประเทศแถบนี้ดีขึ้น 

ยืนยันได้จากผลสำรวจล่าสุดของ ISEAS ซึ่งสอบถามผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 2,000 คนใน 11 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พบว่า ประเทศส่วนใหญ่ยังคงไม่ไว้วางใจต่อประเทศจีน โดย 4 ประเทศที่ไม่ไว้วางใจจีนมากสุดคือ อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เพราะเชื่อว่าอำนาจทางเศรษฐกิจและการทหารของจีนยังคงคุกคามผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติ / channelnewsasia 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer