ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในเมืองไทยเติบโตต่อเนื่องทั้งในแง่การโอนกรรมสิทธิ์ของจำนวนหน่วยและมูลค่าโครงการ สะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
การแข่งขันกันขายอย่างรุนแรงเลยเกิดขึ้นตามมา Developer หลายโครงการจำเป็นต้องอาศัยพลังการขายของ Sole Agent ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
แต่เชื่อไหมว่า
ปัจจุบันมีเพียงนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยไม่กี่เจ้าเท่านั้นที่เป็นผู้นำด้าน
Sole Agent และผู้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ให้ความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาด้านบริหารงานการขายของโครงการ
Plus Sole Agent คือหนึ่งในผู้นำด้าน Sole Agent ที่เป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการ
อสังหาฯ ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ทั้งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กลุ่มบริษัทมหาชน และกลุ่มทุนต่างชาติ
Key Success สำคัญอยู่ที่การกำหนดจุดยืนของตัวเองที่เป็นมากกว่าการเข้าไปรับงานขายอย่างเดียว แต่ได้วางตัวเองเป็นเหมือน “เพื่อน” เหมือน “พาร์ตเนอร์” ที่ช่วยกันคิดและช่วยกันวางแผนในแต่ละโครงการ เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อที่ดิน ศึกษาและวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ของรูปแบบในการพัฒนาโครงการ จนงานสุดท้ายคือจัดทำแผนการขายโครงการ และแผนการสื่อสารทางการตลาดแบบครบวงจร
ความสามารถในด้านการบริหารจัดการ Big Data ซึ่งเป็นฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่จำนวนมาก มาช่วยวิเคราะห์และคิดค้นกลยุทธ์ด้านงานขายให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม เป็นอีกหนึ่งจุดแข็งที่สำคัญของ Plus Sole Agent
รวมทั้งการมีทีมงานมืออาชีพดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน มีระบบดูแล ตรวจสอบ และรายงานยอดขายที่มีมาตรฐาน และยังมีความเชี่ยวชาญให้คำปรึกษาด้านการออกแบบและพัฒนาจุดเด่นของโครงการเพื่อเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ในระยะยาวอีกด้วย
เมื่อทุกอย่างถูกผนึกรวมเข้ากับเจ้าของโครงการที่มีเงินทุน วิสัยทัศน์และความเข้าใจในการทำธุรกิจ รวมทั้งพาร์ตเนอร์ที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดงานขายในต่างประเทศ
ผลลัพธ์ที่ออกมาคือสามารถทำยอดขายตามเป้าที่วางไว้ เช่น คอนโดมิเนียม ดุสิตดีทู
เรสซิเดนเซส หัวหิน ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช, โครงการคอนโดมิเนียมโมนีค สุขุมวิท 64 และ เดอะ ฟายน์ แบงค็อค ทองหล่อ-เอกมัย ของบริษัทซันเคียวโฮมและเคฮัง เรียลเอสเตท กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น, โครงการซีเอกมัย ของเดอะครีเอเตอร์ส เอชคิว,โครงการ
ควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 ของ อีสเทอร์น สตาร์ และ แมสซารีน รัชโยธิน ของแกรนด์ ยูนิตี้
เจาะลึก 3 จุดเด่น 3 โครงการที่ “ปั้น”แล้ว “ปัง” ในปี 2018
1. ออกแบบตัวโครงการให้ “ปัง”
ทองหล่อ-เอกมัย เป็นทำเลที่เป็นแหล่งศูนย์รวมการใช้ชีวิตระดับ High End ที่แวดล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร แบบชิคๆ แนวๆ มากมาย และกำลังเป็นที่หลงรักของกลุ่มผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง อยู่ในวัยทำงาน แต่ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็ยังต้องการความเงียบสงบในการอยู่อาศัยอีกด้วย
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่มีคอนโดมิเนียมหลายโครงการเกิดขึ้นในย่านนี้แต่
The Fine Thong Lor-Ekamai ที่ Plus Sole Agent รับผิดชอบมีความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความโดดเด่นในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อเทียบกับโครงการโดยรอบ และในห้องพักก็ออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่เน้นการใช้งานได้จริง สะดวกต่อผู้อยู่อาศัย รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชาวทองหล่อ-เอกมัย ไม่ว่าจะเป็น Wine lounge, Karaoke room, สวนพักผ่อนที่ให้มากถึง 3 ชั้นและที่จอดรถที่ให้มากถึง 70%
ยิ่งเมื่อได้มีโอกาสร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็น Agent ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านตลาดต่างประเทศจึงทำให้โครงการนี้สามารถปิดการขายไปแล้วถึง 80%
2. วิเคราะห์เฉียบวางการตลาดแม่นยำ
ทำเลดี มีโครงการที่สวยงาม แค่นี้ก็สามารถดึงลูกค้าได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะให้มากกว่านั้นต้องมีการวิเคราะห์เรื่องการตั้งราคาขายอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ราคาซึ่งเป็นที่ยอมรับของตลาดในแต่ละกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและลูกค้าต่างชาติ
การวางกลยุทธ์ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งปลีกย่อยที่ต้องใส่ใจ เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการทำให้การขายนั้นประสบความสำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่ง Plus Sole Agent เน้นและใส่ใจวางแผนกลยุทธ์การขายจากการวิเคราะห์โจทย์และสำรวจอย่างละเอียด รวมทั้งการมีพันธมิตรที่ดีกับตัวแทนการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จนทำให้โครงการอย่าง Quintara Treehaus Sukhumvit 42 จาก Eastern Star สามารถปิดการขายได้ทั้งหมดตั้งแต่ช่วงพรีเซลโครงการ เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ
3. ไม่ใช่แค่เป็นมือโปรฯ แต่ยังมองขาดด้วย
Plus Sole Agent ไม่ใช่แค่มีทีมงานระดับมือโปรฯ คอยช่วยเหลือเท่านั้น แต่ในการพัฒนาและบริหารอสังหาฯ นั้นต้องมีพาร์ตเนอร์ในการเสริมให้แผนกลยุทธ์ต่างๆ ยิ่งเข้มแข็ง และการวิเคราะห์กลุ่มตลาดที่เด็ดขาด
อย่างโครงการ Mazarine Ratchayothin ซึ่งเป็นโครงการระดับ luxury โครงการแรกจาก Grand Unity สามารถปิดยอดขายได้ 60% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดตัวโครงการ
การจะประสบความสำเร็จในโครงการที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นอกจากฟังก์ชันที่ตอบสนองกลุ่มลูกค้าแล้ว ยังต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ในการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของทั้งสินค้าและบริการ จึงจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากการทำโครงการในตลาดบน ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการที่อยู่อาศัยที่สะท้อนตัวตน ดังนั้นต้องพัฒนาสินค้าให้สามารถเข้ากับ Lifestyle ของกลุ่มลูกค้า มีเรื่องราวที่น่าสนใจของแบรนด์
ด้วยการบริการที่มากกว่าการเป็น Sole Agent และใช้กลยุทธ์ในการเป็นพาร์ตเนอร์แบบ 360˚ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ ตัวโปรดักต์ที่ดีสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค งานขายจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ Plus Sole Agent แน่นอน
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ Plus Sole Agent
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ