ชีวิตการทำงานของคนเราไม่เท่ากัน บางคนก็โตเอาๆ บางคนก็เรื่อยๆ บางคนก็อยู่กับที่ ไม่ไปไหน

มีความเชื่อที่ว่า หากอยากเติบโต ได้เลื่อนตำแหน่ง ให้ไปเรียนต่อ MBA ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ หางานในบริษัทใหญ่ๆ และไต่เต้าขึ้นสู่การเป็น CEO หรือ ผู้บริหาร

แต่จากวิจัยที่ทำนานถึง 10 ปี พบว่า หนทางสู่การเป็น CEO นั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลย

 

งานวิจัยชิ้นนี้ ชื่อว่า CEO Genome Project ใช้ข้อมูลจาก ผู้บริหารระดับ C-Suite หรือ CEO CTO CFO ทั้งหลาย จำนวน 17,000 คน โดยเป็นการศึกษาเชิงลึก 2,600 คน ใช้เวลาทำถึง 10 ปี !!!

สิ่งที่งานวิจัยชิ้นนี้ค้นพบ คือ มี 3 ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้ คนหนึ่งคน ก้าวเป็น CEO ได้เร็วกว่าคนอื่น (ขอเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า CEO Sprinters)

โดย 97% ของคนที่เป็น CEO ได้เร็ว จะมีประสบการณ์อย่างน้อย 1 ข้อ

เกือบ 50% มีประสบการณ์อย่างน้อย 2 ข้อ

เราไปดูกันว่า 3 ปัจจัยสำคัญมีอะไรบ้าง?

 

วิธีที่เร็วที่สุด เพื่อเป็น CEO

 

1.Go Small to Go Big เริ่มจากเล็กไปใหญ่

บางครั้งเส้นทางในอาชีพของเรา ก็ไม่ได้เป็นเส้นตรงมุ่งไปข้างหน้าง่ายๆ แต่มีออกซ้ายบ้าง ขวาบ้าง หรือบางทีต้องวกกลับเล็กน้อย เพื่อไปต่อ

60% ของ CEO Sprinters เคยรับตำแหน่งงานที่เล็กลงในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต

โดยพวกเขาอาจเริ่มจากรับผิดชอบโครงการใหม่ของบริษัท หรือย้ายไปบริษัทที่เล็กลงเพื่อความรับผิดชอบที่มากขึ้น หรือไม่ก็เริ่มธุรกิจของตัวเองไปเลย

โอกาสเหล่านี้ทำให้พวกเขาได้มีโอกาสสร้างสิ่งที่ช่วยคนหมู่มากได้จริงๆ

เคสตัวอย่าง James เคยถูกจ้างงานใน แผนกกลยุทธ์และการพัฒนาธุรกิจของบริษัทขนาดพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในตอนเริ่มต้นเขาเคว้งคว้าง และไม่แน่ใจในอนาคตเลย เพราะหน่วยงานนี้เริ่มจากศูนย์จริงๆ แต่หลังจากนั้นเขาและทีมงานก็สร้างธุรกิจให้กลายเป็น 250 ล้านเหรียญได้

การได้เริ่มอะไรเอง ทำให้ James ได้ทักษะของ CEO มากมาย เช่น การจัดการ การบริหารงบ การวางวิสัยทัศน์ และทักษะอีกมากมายที่ CEO ควรมี

13 ปี หลังจากงานนั้น เขาได้กลายเป็น CEO ของบริษัทที่เกี่ยวกับการศึกษาและการเทรนนิ่ง มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญในที่สุด

 

2.Make a Big Leap กล้าเปลี่ยนแปลง

30% ของ CEO Sprinters มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในหน้าที่การงาน โดยส่วนใหญ่เกิดในช่วง 10 ปีแรก

คนเหล่านี้กล้าเสี่ยง กล้ารับโอกาสทั้งๆ ที่โอกาสนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาอาจไม่เคยทำมาก่อน หรือ เป็นโอกาสที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะเจอ

เคสตัวอย่าง ในตอนอายุ 24 ปี Jerry เริ่มทำงานกับบริษัทขนาด 200 ล้านเหรียญในตำแหน่ง Senior Accountant หลังจากนั้น 8 เดือน เขาได้รับข้อเสนอให้รับตำแหน่ง CFO ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใหญ่กว่าคนที่รับเขาเข้ามาทำงานด้วยซ้ำ ในอายุ 25 Jerry ถือเป็นหนึ่งใน CFO ที่อายุน้อยมากๆ หลังจากนั้นเขาก็ขยับเป็น COO และ CEO ในที่สุด

ถ้าคุณไม่คิดว่าโอกาสแบบนี้จะตกมาที่คุณล่ะก็ คุณไม่ใช่คนเดียวหรอก เมื่อไปสอบถาม CEO Sprinters ทั้งหลาย พวกเขาบอกว่า “คุณต้องสร้างโอกาสของคุณเอง มองหางานที่ได้ทำในหลากหลายหน้าที่ เห็นมุมมองของธุรกิจที่หลากหลาย กล้าของานที่มากขึ้นจากหัวหน้า ทำงานให้ดี และที่สำคัญที่สุด กล้าตอบรับโอกาสที่เข้ามา”

 

3.Inherit a Big Mess ทำเรื่องที่ไม่มีใครอยากทำ

“ให้ไปทำเรื่องที่ไม่มีใครอยากทำ หรือทำในเรื่องที่ยุ่งยาก” ฟังดูแล้วไม่น่าจะช่วยให้งานก้าวหน้าได้ แต่ปัจจัยนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ คนก้าวเป็น CEO ได้เร็ว

มากกว่า 30% ของ CEO Sprinters เคยทำงาน หรือ นำทีมทำงาน ในโครงการที่ยุ่งยาก น่าปวดหัว (Mess) เพราะปัญหาที่ยาก ต้องการคนที่เป็นผู้นำอย่างสูงในการแก้ปัญหา ตัดสินใจในภาวะกดดัน คำนวณความเสี่ยง หรือ เรียกงง่ายๆ ว่า เป็นปัญหาที่ CEO ต้องเจอ

เคสตัวอย่าง ปัจจุบัน Jackie เป็น CEO ของบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง แต่ก่อนหน้านี้ เธอไม่รอให้ปัญหาเข้ามา เธอออกไปหาปัญหาเองเลย เธอเล่าว่า “ฉันชอบทำอะไรที่มันยุ่งยาก และต้องหาทางแก้มัน ไม่ว่าจะเป็น ไอที ภาษี ต้นทุน บอกมาเถอะ ฉันพร้อม… ฉันจำได้ว่าเคยได้รับงานที่ไม่น่าทำที่สุดมาชิ้นหนึ่ง แต่ฉันก็สามารถแก้ และหาคำตอบได้”

การก้าวออกมาแก้ปัญหา และรับความเสี่ยงในอาชีพ ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนอยากจะทำ

Jackie ได้เป็น CEO 20 ปี หลังจากที่ทำงานแรก ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของ CEO อยู่ที่ 24 ปี

 

 

นอกจากปัจจัย 3 ข้อแล้ว งานวิจัยยังชี้ว่า ลักษณะของ CEO ส่วนใหญ่ที่มีเหมือนกัน คือ

1.Decisiveness : กล้าตัดสินใจ
2.Reliability : ไว้วางใจได้
3.Adaptability : ปรับตัวขั้นสุดยอด
4.Engage for Impact : รับความกดดัน โดยไม่สร้างความขัดแย้ง

ที่มา : Harvard Business Review

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online