iPhone 11 สมาร์ทโฟนที่คาดว่าจะเป็นรุ่นล่าสุดของแอปเปิล พร้อมย้อนดูพัฒนาการของ iPhone แต่ละรุ่น
ข่าวลือมาหนาหูมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงวันเปิดตัว iPhone 11 ไอโฟนรุ่นใหม่ของค่ายแอปเปิลที่แว่วว่า อาจจะมีการเปิดตัวในวันที่ 10 ก.ย. นี้
พร้อมกับหลุดสเปก และชื่อเรียกว่า iPhone 11, 11 Pro, 11R and 11 Max
ก่อนที่จะไปลุ้นกับไอโฟนรุ่นใหม่ ขอพาย้อนไทม์ไลน์ไอโฟนทุนรุ่น โดยเมื่อต้นปี 2007 (พ.ศ. 2550) “สตีฟ จ็อบส์” ผู้ก่อตั้งแอปเปิล อัจฉริยะผู้เปลี่ยนโลกไอที ประกาศเปิดตัวมือถือในงาน Macworld 2007 ถัดจากนั้นมาในวันที่ 29 มิ.ย. 2007 (พ.ศ. 2550) คือวันแรกที่ “ไอโฟนรุ่นแรก” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
ที่ในตอนนั้นไอโฟนเป็นมือถือรุ่นแรกที่เป็นแบบหน้าจอทัชสกรีน รองรับเฉพาะ 2G เท่านั้น และยังมีความละเอีดยของกล้องหลังเพียง 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น วางขายในราคาเริ่มต้น 499 ดอลลาร์ (สำหรับความจุ 4 GB)
และทำยอดขายทั่วโลกได้จำนวน 1.39 ล้านเครื่อง
ปี 2008 (พ.ศ. 2551) เป็นปีประวัติศาสตร์ของแอปเปิลเพราะเป็นปีที่ “iPhone 3G” มือถือของค่ายที่สามารถรองรับ 3G เป็นรุ่นแรก โดยวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อ 11 ก.ค.
และถึงแม้ตัวฟังก์ชันของมือถือจะไม่ได้ปลี่ยนแปลงอะไรมาก iPhone 3G รุ่นแรกนี้ทำยอดจำหน่ายทั่วโลกได้ถึง 11.36 ล้านเครื่อง มากกว่ารุ่นแรกถึง 9.97 ล้านเครื่อง
ในปีต่อมาแอปเปิลพัฒนาไอโฟนรุ่นใหม่ขึ้นด้วยการใช้แรมขนาด 256 MB ซึ่งมีขนาดแรมมากกว่าไอโฟนสองรุ่นแรกที่ได้วางจำหน่ายไป และไอโฟนรุ่นใหม่นี้ยังมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านพิกเซล โดยไอโฟนรุ่นนี้มีชื่อว่า “iPhone 3GS” ซึ่ง ‘S’ มาจากคำว่า Speed วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 19 มิ.ย. 2009 (พ.ศ. 2552)
และการเปลี่ยนแปลงของไอโฟนรุ่นนี้ทำให้มียอดจำหน่าย 20.73 ล้านเครื่อง


21 มิ.ย. 2010 (พ.ศ. 2553) นับป็นปีแห่งนวัตกรรมใหม่ของประวัติศาสตร์ของไอโฟน ก็ว่าได้เพราะเป็นวันวางจำหน่าย “iPhone4” เป็นครั้งแรก
ไอโฟน 4 มียอดจำหน่ายถึง 39.99 ล้านเครื่องทั่วโลก นับเป็นปีแรกตั้งแต่เปิดวางจำหน่ายมา 3 รุ่นก่อนหน้า โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 599 ดอลลาร์
สิ่งที่ทำให้ “iPhone4” ทำยอดขายได้มากขนาดนี้ เพราะไอโฟนรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มีทั้งกล้องข้างหน้าและข้างหลัง โดยกล้องหน้ามีความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหลังอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซล
รวมทั้งมีฟีเจอร์ “Facetime” การสนทนาพร้อมส่งภาพจากกล้องด้านหน้า หรือด้านหลัง ไปให้คู่สนทนาได้ชมแบบสดๆ หรือเรียกว่าวิดีโอคอล เพียงแต่ Facetime ไม่ต้องอาศัยเครือข่าย 3G แต่อาศัย Wi-Fi แทน
และนับเป็นค่ายที่ชอบสร้างประวัติศาสตร์และสถิติใหม่อยู่เรื่อยๆ ในปี 2011 (พ.ศ. 2554) แอปเปิลทำสถิติใหม่ด้วยยอดจำหน่ายไอโฟนรุ่นใหม่อย่าง “iPhone4S” ในวันแรก (14 ต.ค.) ทะลุ 1 ล้านเครื่อง และถึง 4 ล้านเครื่องภายใน 1 สัปดาห์
ส่วนยอดจำหน่ายทั่วโลกรวมแล้ว ไอโฟน 4S ขายไปได้ 72.3 ล้านเครื่อง โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 649 ดอลลาร์
สำหรับสิ่งที่เพิ่มมาในไอโฟนรุ่นนี้นอกจากจะมีระบบปฏิบัติการที่อัพเดตความเร็วต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมความละเอียดของกล้องที่เพิ่มไปอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซลแล้ว สิ่งที่เพิ่มเติมแปลกใหม่ก็คือผู้ช่วยอัจฉริยะอย่างเจ้า “SIRI” นั่นเอง
นอกจากนี้ ในปีนี้นับเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพราะ “สตีฟ จ็อบส์” อัจฉริยะผู้เปลี่ยนโลกไอที ได้จากโลกไป และส่งไม้ต่อมาให้กับ “ทิม คุก” มาจนถึงปัจจุบัน


ปี 2012 (พ.ศ. 2555) แอปเปิลเปิดตัว “iPhone 5” เมื่อ 21 ก.ย. นับเป็นรุ่นแรกที่สามารถรองรับ 4G LTE โดยภายใน 3 วันแรกที่วางจำหน่ายสามารถทำยอดขายได้ถึง 5 ล้านเครื่อง
และมียอดจำหน่ายทั่วโลกรวม 125.04 ล้านเครื่อง
ถัดมากับไอโฟนรุ่นที่ 7 ของค่ายแอปเปิล ที่ในปี 2013 (พ.ศ. 2556) เปิดตัวด้วยกัน 2 รุ่นคือ “iPhone 5S” และ “iPhone 5C” นับเป็นปีแรกที่แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน 2 รุ่นในครั้งเดียวกัน
โดยใน iPhone 5S มีสิ่งที่มาใหม่คือการปลดล็อกหน้าจอด้วย “Touch ID” ส่วนรุ่น iPhone 5C ที่มีสีสันแปลกตาไปจากไอโฟนรุ่นเดิมๆ เพราะมีสีให้เลือกถึง 5 สีด้วยกัน และจำหน่ายในราคาที่ย่อมเยากว่า และถึงแม้จะมีราคาที่ถูกกว่าแต่ยอดขายของรุ่นนี้อย่างเดียวกลับไม่ได้มียอดตามที่วางเป้าไว้สักเท่าไร
โดยทั้ง iPhone 5S และ iPhone 5C สามารถทำยอดขายในสัปดาห์แรกรวมกันได้ 9 ล้านเครื่อง และทำยอดขายทั่วโลกรวมแล้ว 150.26 ล้านเครื่อง
ปี 2014 (พ.ศ. 2557) ปีนี้เป็นปีที่แอปเปิลเปิดตัวไอโฟน 2 รุ่นเช่นเดียวกัน โดยปรับโฉมดีไซน์ให้โค้งมนกว่ารุ่นที่ผ่านมา และขนาดหน้าจอใหญ่ขึ้นโดย “iPhone6” มีหน้าจอจนาด 4.7 นิ้ว ส่วน “iPhone6 Plus” มีขนาด 5.5 นิ้ว
โดยทั้ง 2 รุ่นนี้ทำสถิติใหม่มียอดจองล่วงหน้าถึง 4 ล้านเครื่อง ภายใน 24 ชม. และมียอดจำหน่ายทั่วโลกถึง 169.22 ล้านเครื่อง
ปี 2015 (พ.ศ. 2558) เป็นปีที่สร้างความฮือฮาให้กับคนไทยเพราะแอปเปิลใช้ภาพ wallpaper เป็นรูป “ปลากัด” ซึ่งเป็นภาพฝีมือจากคนไทย สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในสองรุ่นนี้คือระบบสัมผัสแบบ 3D Touch และสีใหม่อย่าง โรสโกลด์ โดย “iPhone6S” และ “iPhone6S Plus” วางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ก.ย.
ปี 2016 (พ.ศ. 2559) แอปเปิลกลับมาทำตลาดมือถือไซส์เล็กอีกครั้งที่มีขนาดและทรงเดียวกับ iPhone 5 โดยเปิดตัวช่วง มี.ค. โดยใช้ชื่อว่า “iPhone SE”


และช่วงเดือนก.ย. แอปเปิลก็ได้เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่อย่าง “iPhone7” และ ”iPhone7 Plus” ซึ่งนับเป็นรุ่นแรกที่มีความสามารถในการป้องกันน้ำและฝุ่นละอองตามมาตรฐาน IP67 และเป็นรุ่นแรกที่แอปเปิลตัดสินใจเอาช่อง Jack หูฟังออก
ปี 2017 เป็นปีที่ครบรอบ 10 ปี ของไอโฟน ถือว่าเป็นอีกปีที่ปฏิวัติวงการผู้ใช้ไอโฟนเช่นกัน เพราะเป็นปีที่แอปเปิลออกแบบไอโฟนรุ่นไร้ขอบเป็นครั้งแรกในชื่อว่า “iPhone X”
และเปิดตัวรุ่นปกติที่ยังเป็นไอโฟนแบบมีขอบอย่าง “iPhone 8” และ “iPhone 8 Plus” ด้วยเช่นกัน สิ่งที่เพิ่มเติมในรุ่นนี้คือ การเพิ่มกระจกนิรภัยทั้งด้านหน้าและด้านหลังทำให้มีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพิ่มฟีเจอร์ “การชาร์จแบบไร้สาย” เข้ามาด้วย
และปี 2018 ที่ผ่านมา แอปเปิลเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ด้วยกัน 3 รุ่นคือ iPhone XS, iPhone XS และ iPhone X Max
ส่วนในปีนี้ iPhone รุ่นใหม่ จะมีสเปกแบบไหน ราคาเท่าไร และจะเป็น iPhone 11 เหมือนข่าวลือหรือไม่ คงต้องจับตาดูกันในเดือนกันยายนนี้
// historyhcooperative, bankmycell
5 อันดับ ยอดขายสมาร์ทโฟนไตรมาส 2 ทั่วโลก
1. Samsung 75.1 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาด 23%
2. Huawei 58.7 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาด 18%
3. Oppo 36.2 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาด 11%
4. Apple 35.3 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาด 11%
5. Xiaomi 31.9 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งตลาด 10%
ที่มา: Bussinessinsider อ้างอิง IHS Markit
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
ที่
Website : Marketeeronline.co /Facebook : www.facebook.com/ marketeeronline
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ