แวดวงค้าปลีกของสหรัฐฯ ยังไม่พ้นมรสุมลูกใหญ่ โดยล่าสุด Forever 21 แบรนด์ Fast fashion อเมริกันอายุ 35 ปี ได้ยื่นล้มละลายเพื่อเริ่มกระบวนการพิทักษ์ทรัพย์และปรับโครงสร้างหนี้ เพราะขาดทุนอย่างหนัก ยอดขายตกและแบกรับหนี้สะสมต่อไปไม่ไหว หลังกลุ่มวัยรุ่นซึ่งเป็นลูกค้าหลักหันไปซื้อผ่าน E-commerce กันมากขึ้น และไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่บ่อยๆ เหมือนก่อนเพื่อต้องการลดปริมาณขยะ
แผนปรับโครงสร้างดังกล่าวยังทำให้ Forever 21 ต้องปิดสาขาในต่างประเทศแทบทั้งหมด และปิดสาขาในสหรัฐฯ อีกเกือบ 180 แห่ง จนจำนวนสาขาทั่วโลกลดลงมาอยู่ที่ 815 แห่ง
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการเดินหน้าเปิดสาขาด้วยความมั่นใจเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งสาขาใหญ่สุด เป็น Flagship Store สูง 4 ชั้นในย่าน Time Square ของมหานครนิวยอร์ก พื้นที่ใช้สอยรวมมากถึง 90,000 ตารางฟุต
Linda Chang รองประธานกรรมการ Forever 21 ยอมรับนี่คือมาตรการที่จำเป็นเพื่อความอยู่รอด ส่วนเงินฟื้นฟูกิจการเบื้องต้นได้มาแล้ว 350 ล้านเหรียญ (ราว 10,850 ล้านบาท) โดยหลังผ่านช่วงยากลำบากนี้ไป Forever 21 จะไม่ตกเป็นของกลุ่มนักลงทุนหรือกองทุนบริหารความเสี่ยง เพราะผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
อย่างไรก็ตาม Forever 21 อาจมีเพื่อนร่วมชะตากรรมเพิ่มอีก โดย Coresight บริษัทที่ปรึกษาการลงทุนในสหรัฐฯ คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีวิกฤตครั้งนี้อาจทำให้แบรนด์ค้าปลีกในประเทศต้องปิดสาขารวมกันมากถึง 12,000 แห่ง และมากกว่าจำนวนสาขาที่ถูกปิด 5,589 แห่ง จากปัญหาเดียวกันเมื่อปี 2018/cnbc, cnn
–
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ