ครั้งหนึ่งเงินติดล้อ” ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถครบวงจร และนายหน้าประกันภัยที่มีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ได้ฉีกทุกกฎเกณฑ์ด้วยภาพยนตร์โฆษณา ชีวิตใหม่ ที่สะท้อน Consumer Insight เล่าเรื่องผ่านความจริงที่ไม่มีแบรนด์ไหนกล้าพูด พร้อมประโยคสุดจี๊ดว่า “เราไม่อยากให้คุณกลับมาหาเราอีก”

วันนี้ เงินติดล้อ ตอกย้ำเจตนารมณ์ที่จะ “ส่งเสริมและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน” อีกครั้ง ด้วยแคมเปญ “หนี้หรือความสุข” ซึ่งประกอบด้วยหนังสือ “25 วิธีคิดทำให้ชีวิตชิบหาย (25 วิธีคิดให้ชีวิตสบาย)” และ วิดีโอหนี้นรกเสียดสีความเป็นจริงแทรกอารมณ์ขันสไตล์เงินติดล้อ ซึ่งได้เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ให้ได้รับชมเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ Marketeer ยังมีโอกาสได้ไปร่วมเปิดตัวแคมเปญ และได้พูดคุยกับ คุณปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ที่มาบอกเล่าถึงที่มาที่ไปและรายละเอียดของแคมเปญ

ชีวิตติดโซเชียล ความอยากได้อยากมีที่มาแบบไม่รู้ตัว

“จากตัวเลขของหนี้ครัวเรือนที่เราได้ยินมาตลอด และหนักขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้เราตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น และเป็นเพราะอะไร

เรามาวิเคราะห์ดูและตกผลึกว่า อย่างแรกคือ พฤติกรรมคนเปลี่ยน ปัจจุบันหลายคนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ใช้ชีวิตอยู่บนมือถือ ประเทศไทยเราใช้โซเชียลมีเดียติดอันดับทอปๆ ของโลก ซึ่งรูปแบบการใช้ชีวิตแบบนี้มันเกิดบางสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้นึกถึง ปัจจุบันเราพบโฆษณาเยอะมากในโลกออนไลน์ ลองใช้ Facebook สัก 3 ชั่วโมง แล้วเลื่อน Feed ไปเรื่อยๆ ดูสิครับ แล้วนับดูว่าเจอโฆษณากี่ครั้ง พอเราคลิกดูโฆษณาอะไรสักอย่างหนึ่ง ก็จะเจอโฆษณาสินค้าลักษณะเดียวกันเข้ามาอีกมากมาย เค้าจะรู้ทันทีว่าเรากำลังสนใจอะไรอยู่ ณ เวลานั้นตอนนั้น

พออยากได้ก็ซื้อ ซื้อเสร็จทำไงต่อ โพสต์ลงโซเชียลพร้อมแฮชแท็ก #ของมันต้องมี พอโพสต์แล้วก็เท่ากับว่า เรากำลังกดดันคนอื่นโดยที่เราก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน คนวัย First Jobber พอเขาเห็นรูปเพื่อนซื้อของ ไปเที่ยวญี่ปุ่น หรือรับประทานอาหารอร่อยๆ ถ่ายภาพมาสวย ก็อยากได้ อยากไป อยากเป็นเจ้าของ หรือมีความรู้สึกว่าตัวเองจะต้องมีบ้าง ฉะนั้นพฤติกรรมการใช้มือถือบวกกับชีวิตที่อยู่บนโซเชียลมากขึ้น ทำให้เกิดทั้งความอยากและความกดดันโดยที่เราก็อาจไม่รู้ตัว

บวกกับในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ธุรกิจ E-Commerce เติบโตรวดเร็วมาก อยากได้อะไรก็มีคนขายอยู่ตลอด ช้อปได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง พอกดซื้อปั๊บมันก็จะมีระบบนิเวศตามมานั่นคือระบบขนส่ง ไม่ใช่แค่สั่งซื้อแล้วรอ 1-2 วัน แต่ถึงระดับอยากรับประทานอะไรไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็มีคนมาส่งให้ถึงที่ เห็นใครกินอยู่ อยากกินบ้าง กดสั่ง ได้กินทันทีทันใจ เกิดความอยาก เกิดอยากได้ เกิดความกดดัน ก็ซื้อเลย จบ

เมื่อเกิดความอยาก การตัดสินใจที่จะซื้อก็จะง่ายขึ้น แล้วถ้าเกิดเป็นสินค้าที่ต้องใช้เงินเยอะหน่อยจะทำอย่างไร ก็ผ่อนเอา มีบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคลเงินสด ง่ายๆ สบายๆ

ทั้งหมดทั้งมวล รวมกับที่กล่าวไว้ข้างต้น คือสิ่งที่รวมกันแล้วไปกระตุ้นปัญหาหนี้ครัวเรือนบ้านเรา นั่นเอง ซึ่งปัจจุบันปัญหาหนี้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้มันน่าตกใจจริงๆ เราลองไปสัมภาษณ์เก็บข้อมูลคนกลุ่มพนักงานบริษัท ที่เพิ่งเริ่มต้นทำงาน ก็ได้คำตอบว่า ทุกคนพร้อมเป็นหนี้อยู่ตลอดเวลา ทำให้เราค่อนข้างกังวลอยู่เหมือนกันว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร”

อาสาเป็นตัวแทนเตือนสติทุกคน

“ถามว่าแล้วใครล่ะที่ต้องรับผิดชอบ ในเมื่อปัญหามันเกิดขนาดนี้ ผิดที่ใคร หรือว่ามันเกิดอะไรอีก ถ้าเรามองแต่ละอย่างที่มันเกิดขึ้นเป็นช็อตๆ ในมุมของผม ผมว่าไม่มีใครผิดหรอก แต่ละธุรกิจเขามีหน้าที่ทำธุรกิจให้มีกำไร เป็นเรื่องธรรมชาติของโลกธุรกิจ แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นคือ โลกธุรกิจจะปรับตัวกับโลกเทคโนโลยีและวิถีชีวิตได้ดีกว่าคน กลายเป็นว่าคนรุ่นใหม่อาจจะปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีที่เข้ามา ไม่ทันกับความซื้อง่ายขายคล่องของสินค้าออนไลน์ รวมถึงสินเชื่อหรือโปรโมชั่นเงินผ่อนต่างๆ ซึ่งหมายถึงการเอาเงินในอนาคตของตัวเองมาใช้

และเราก็เห็นได้ชัดในพฤติกรรมของคนที่คิดสั้นนิดหนึ่ง เพราะการเป็นหนี้โดยไม่ได้วางแผนเอาไว้ คือถ้าเราเอาเงินอนาคตมาใช้กับการซื้อโทรศัพท์มือถือ ไปเที่ยว ไปซื้อเสื้อผ้า หรือไปใช้กับสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่าไม่จำเป็น ในวันที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เข้าโรงพยาบาล มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็น แล้วเงินในอนาคตของคุณหมดแล้ว จะทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่เรามองว่า ต้องถึงเวลาที่ใครสักคนหนึ่งควรออกมาพูด ออกมาเตือนสติ”

 

อยากให้คนไทย คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้

“จึงเกิดเป็นแคมเปญ ‘หนี้หรือความสุข จะประกอบด้วยหนังสือ “25 วิธีคิดทำให้ชีวิตชิบหาย (25 วิธีคิดให้ชีวิตสบาย)” และ วิดีโอชุดหนี้นรกเสียดสีความเป็นจริงแทรกอารมณ์ขันสไตล์เงินติดล้อ ซึ่งได้เผยแพร่บนสื่อออนไลน์ให้ได้รับชมเรียบร้อยแล้ว

แน่นอนการสื่อสารของเราก็อาจจะไม่ได้ใช้ที่สวยหรูนัก เพราะเราก็มองว่าการสื่อสารของเราต้องไม่ธรรมดา เริ่มต้นจากชื่อหนังสือ 25 วิธีคิดให้ชีวิตชิบหาย อ่านเพื่อให้รู้ว่า คุณทำมันลงไปแล้วหรือยัง ไส้ในของหนังสือก็จะมีประเด็นต่างๆ ของสังคมที่มองว่าเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนซึ่งเราสะท้อนออกมา ไม่ใช่แค่เรื่องของการเงิน แต่รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้บัตรเครดิต สินเชื่อ ประกัน แม้กระทั่งการพึ่งพาโชคดวง

แล้วถ้าเกิดเราไปตำหนิคนด้านเดียว คงไม่มีใครอยากซื้อหนังสือของเราเพื่อมอบให้คนอื่นสักเท่าไร แต่เล่มนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่ง คือถ้าเกิดเรากลับด้านมันก็จะกลายเป็น 25 วิธีคิดให้ชีวิตสบายๆ

กล่าวคือเรา นำเสนอ 25 ทัศนคติในการใช้ชีวิตแบบเหรียญสองด้าน ทั้งด้านที่มุ่งตอบสนองเชิงอารมณ์ ความอยากได้อยากมีเฉพาะหน้า (นำไปสู่ความฉิบหาย) และด้านที่ใช้เหตุผลเน้นการวางแผนสร้างความมั่นคงทางการเงิน ใช้ภาษาที่ตรงไปตรงมา กระชับเข้าใจง่าย

และอีกรูปแบบหนึ่งเราใช้หนังสั้น ซึ่งเป็นความถนัดของเรามาสื่อสาร ด้วยวิดีโอ ชุด “หนี้นรก” มีความยาว 11 นาที กำกับโดย ต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับหนังโฆษณามือหนึ่ง สะท้อนชีวิตมนุษย์เงินเดือนในยุคปัจจุบันผ่านเรื่องราวของคู่สามีภรรยาที่มีทัศนคติในการใช้ชีวิตที่มุ่งหาความสุขจากการบริโภค ติดโซเชียล กู้หนี้ยืมสินมาซื้อรถราคาแพง ใช้แบรนด์เนมตามเพื่อน กินหรู ท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่กลับไม่อดทนทำงาน กระทั่งชีวิตจนมุมตกเป็นเหยื่อของหนี้นอกระบบ โดยในทุกช่วงขณะของการตัดสินใจจะมีชายลึกลับโผล่มาเตือนถึงผลร้ายของการเป็นหนี้แต่กลับไม่เป็นผล จึงเปลี่ยนจากการเตือนมาเป็นการยุส่ง และในตอนจบชายลึกลับดังกล่าวได้เป็นผู้สรุปแนวคิดการใช้ชีวิตเพื่อความมั่นคงในระยะยาวกับคนดู พร้อมทิ้งท้ายด้วยวลีสั้นๆ คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้

รวมๆ แคมเปญนี้เราจึงเรียกว่า “หนี้หรือความสุข” มุ่งกระตุ้นเตือนประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนให้คิดให้ดีก่อนเป็นหนี้ โดยเฉพาะหนี้ที่ไม่จำเป็นจากการใช้จ่ายเกินตัว เพียงเพื่อความสุขชั่ววูบจากการได้ทำตามกระแสสังคม ซึ่งมักถูกชี้นำโดยสื่อโซเชียลและแรงกดดันจากสังคม”

ใช้คำแรง เพื่อกระแทกให้คนเปลี่ยน

“บางครั้งวิธีการสื่อก็ต้องมีหลายแบบ รอบนี้เราเลือกที่จะสื่อสารแบบนี้ เพราะเราคิดว่าถ้าจะเตือนคนต้องมีวิธีการนำเสนอที่กระแทกสิ่งที่อยู่ในใจ ด้วยภาษาที่ต่าง แม้อาจจะมีคนมองว่าดูรุนแรงแต่ก็ต้องยอมรับว่ามันช่วยสร้าง Impact และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจริงๆ เพราะสิ่งที่เราอยากให้เกิดคือการเปลี่ยนพฤติกรรม

ในมุมมองของผม บางทีกฎหมายยังแก้ง่ายกว่าพฤติกรรมคน ฉะนั้นถ้าเราจะเปลี่ยนพฤติกรรมของคน เราก็ต้องไปกระแทกบางสิ่งบางอย่างที่มันโดน พยายามให้เข้ากับคนที่ต้องการสื่ออย่างเหมาะสม ด้วยภาษาที่ต่าง

กลุ่มคนที่เงินติดล้อกำลังคุยอยู่ผ่านหนังสือหรือหนังนั้น ก็คือ มนุษย์เงินเดือน เพราะเรามีมุมมองว่าการเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้น จริงๆ มันง่ายกว่าเยอะเลยในการบริหารรายจ่ายและบริหารหนี้ของตัวเอง รายได้เข้าตรงเป็นประจำทุกวัน ทุกเดือน เรารู้ เราวางแผนได้ วันนี้เงินออก วันนี้ได้เงิน ต่างจากลูกค้ากลุ่มใหญ่ของเงินติดล้อซึ่งมีอาชีพอิสระ รายได้เค้าเหวี่ยงขึ้นๆ ลงๆ อันนั้นเลยวางแผนยาก เช่น ช่วงนี้ฝนตกรายได้ลดลง บางทีมีความจำเป็นต้องใช้บริการสินเชื่อ นี่คือสินเชื่อที่จำเป็น เราพยายามจะสร้างธุรกิจของเราโดยการให้บริการและให้สินเชื่อเพื่อใช้ในส่วนที่จำเป็น”

ไม่คาดหวังเชิงธุรกิจ แค่อยากให้คนคิดและเปลี่ยน

“การทำแคมเปญก็มีหลายอย่าง ทั้งแคมเปญที่จะเร่งการเติบโตทางธุรกิจ กับแคมเปญที่จะทำเพื่อสังคม อย่างแคมเปญนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องยอดเลย ในเชิงผลทางธุรกิจเราไม่คาดหวังอะไรเลย เรามีมุมมองว่าทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมกันในการช่วยแก้ปัญหาสังคม อย่างหนี้ของคนทั้งประเทศได้ ในมุมของเงินติดล้อ นี่อาจจะเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เราคิดว่าเราทำได้

ที่ผ่านมาเราเป็นรายแรกๆ ตลอดเวลา ในการนำเสนอสิ่งที่ดีให้กับลูกค้า ซึ่งเราก็พยายามออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ลูกค้าปลดหนี้ได้เร็วขึ้นด้วยซ้ำไป

เราอยากให้คนพูดถึงแคมเปญ ‘หนี้หรือความสุข’ ของเรา ตัวเล่มหนังสือเราอยากให้คนส่งมอบให้กันเพื่อเป็นของขวัญ อย่างบางทีผมคุยกับเพื่อนที่มีลูกน้องอยู่ในบริษัทอื่น เรื่องหนี้ เรื่องพฤติกรรม เขาก็จะมีความอึดอัดเหมือนกันว่าเขาเห็นว่าลูกน้องของเขาใช้เงินเกินตัว แต่ก็ไม่รู้จะเตือนอย่างไร เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้ช่วยได้

เรามองว่า สิ่งที่เราจะแก้ได้ที่เป็นต้นตอของปัญหาคือการเปลี่ยนวิธีการคิดของคน นี่คือสิ่งที่เราทำได้ คือช่วยให้เค้าคิดให้เป็น ต้องสอนให้เค้าเข้าใจ แม้จะใช้เวลานานแต่เราก็พร้อมที่จะทำ ค่อยๆ เปลี่ยนแนวคิดของแต่ละคนไป เรื่องพวกนี้เป็นสิ่งที่เราคาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นหลังจากเราได้เริ่มแคมเปญนี้”

ปัจจุบัน บริษัท เงินติดล้อ จำกัด ให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถครบวงจร (รถจักรยานยนต์ รถเก๋ง รถกระบะ และรถบรรทุก) สินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มีสาขาครอบคลุมกว่า 950 สาขา ทั่วประเทศ มุ่งดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมและโปร่งใส ที่ขับเคลื่อนโดยวัฒนธรรมองค์กรที่รองรับการเติบโตในระยะยาว สะท้อนจากรางวัลระดับนานาชาติที่ได้รับ

สำหรับผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเยี่ยมชมข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ https://www.ngerntidlor.com/หนี้หรือความสุข

 



ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ

.
Marketeer ฉบับดิจิทัล : อ่านบน Ookbee / อ่านบน meb
.
Marketeer ฉบับ PDF : https://marketeermagazine.com/
.
Marketeer ฉบับกระดาษ : สั่งซื้อทางไปรษณีย์ Inbox มาที่ เพจ Marketeer Online