สมิติเวช เปลี่ยนเรื่องนวัตกรรมการแพทย์เป็น Now Normal (วิเคราะห์)
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โรงพยาบาลสมิติเวชรับรู้ถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่เพียงเรื่องการบริโภคหรือการเดินทางเท่านั้น แต่รวมไปถึงการหาหมอหรือการเดินทางมาโรงพยาบาลด้วย ดังนั้นจึงผุดโครงการ “#เราไม่อยากให้ใครกังวล” ขึ้น
“วิธีคิดของเราก็คือ อยากจะให้มือถือเครื่องเดียวทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ ทำให้การรักษาพยาบาลเป็นเรื่องที่สะดวกสบายที่สุด” นพ. ชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ. สมิติเวช และ รพ. บีเอ็นเอช กล่าว

เทคโนโลยีการแพทย์เป็นเรื่องต้องทำ โควิดเป็นแค่ตัวเร่ง
นายแพทย์ชัยรัตน์บอกว่า ยุคปัจจุบันที่ทุกคนเผชิญหน้าอยู่คือยุค ‘Ecopovid’ เป็นขาลงของทั้ง
- Economic เศรษฐกิจ
- Politic การเมือง
- Covid โรคระบาดที่ทำให้ทุกอย่างปั่นป่วน
หลักการทำธุรกิจในยุคที่ทุกอย่างซึมไปหมด นายแพทย์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบอกว่า ถ้าซึมแล้วก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น สิ่งที่ควรทำคือ การเห็น “วิกฤตเป็นโอกาส”
อันที่จริงการทำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการแพทย์ ไม่ใช่สมิติเวชมาขยับแค่ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิดเท่านั้น แต่ทำมาก่อนสักพักใหญ่แล้ว เพราะเชื่อว่ายังไงเทรนด์โลกก็จะมาทางนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ และสุดท้ายคนไข้ก็จะตอบรับกับสิ่งนี้ กลายเป็น ‘Now Normal’ ไม่ใช่ ‘New Normal’ อีกต่อไป
แต่โควิดคือสิ่งที่เร่งปฏิกิริยาให้ทุกอย่างต้องทำให้เร็วขึ้นภายใน 6 เดือน

สมิติเวช เจาะ Pain Point ผู้บริโภค
ทีมงานสมิติเวชลองค้นหา Pain Point ของผู้บริโภคสำหรับการรักษา และการมาโรงพยาบาล ในช่วงการแพร่ระบาดใหญ่โควิด ว่าพวกเขาต้องการหรือไม่ต้องการอะไร จากนั้นจึงนำเสนอบริการให้ตอบรับทุกความต้องการสำหรับการแพทย์ยุคดิจิทัล
“ไม่อยากป่วย”
น่าจะเป็นเรื่องในใจของใครเกือบทุกคน ในยุคที่เศรษฐกิจก็ไม่ดี การมีสุขภาพที่ดีคือพื้นฐานสำคัญที่สุด
บริการของสมิติเวชจึงนำเสนอ ‘Engage Care’ แอปพลิเคชันที่ติดตามข้อมูลสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตแบบเรียลไทม์ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญติดตามผลให้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดจากโรคแทรกซ้อน แต่ไม่ใช่แค่กลุ่มเป้าหมายผู้ที่มีโรคเท่านั้น แต่รวมไปถึง “คนที่อยากดูแลตัวเอง” คนที่อยากตรวจวัดปริมาณน้ำตาลในเลือดและติดตามผล เพื่อลดความเสี่ยง และดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ความพิเศษของแอปฯ นี้คือ สามารถแชร์ผลให้คนในครอบครัวช่วยกันติดตามตรวจสอบได้ด้วย

“ไม่อยากมาโรงพยาบาล”
สมิติเวชมีบริการ telemedicine โดยใช้ ‘Tytocare’ ชุดอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพเบื้องต้น ช่วยให้หมอวินิจฉัยและให้คำปรึกษาออนไลน์ผ่านทาง Samitivej Virtual Hospital ตลอดชั่วโมง โดย Tytocare เป็นอุปกรณ์ชุดพกพา ที่คนไข้สามารถตรวจปวด ส่องหู ช่องคอ ผิวหนัง วัดอุณหภูมิ หัวใจ และการเต้นของหัวใจได้ด้วยตัวเองที่บ้าน
ทำมาพร้อม ๆ กับโปรเจกต์ ‘Home Care’ หรือการส่งแพทย์ไปตรวจผู้ป่วยถึงบ้าน รวมถึงบริการการฉีดวัคซีนถึงบ้าน ซึ่งนายแพทย์ชัยรัตน์บอกว่า เป็นบริการที่คนไข้ประทับใจมาก เพราะตอบโจทย์ไม่ต้องมาโรงพยาบาลจริง
ซึ่งนอกจากบริการที่ช่วยให้คนไข้ไม่ต้องมาโรงพยาบาลแล้ว หาก “ญาติคนไข้” ไม่อยากมาโรงพยาบาลด้วย ก็มีแอปฯ ‘Samitivej Pace’ ติดตามสถานะการผ่าตัด อัปเดตอาการคนไข้ตลอดเวลาให้กับญาติผู้ป่วย รวมถึงวิธีเตรียมตัวทั้งก่อนและหลังผ่าตัด
นอกจากนี้ ยังเอาใจคนนอนโรงพยาบาลสุด ๆ ด้วยแอปฯ ‘Samitivej Prompt’ ติดตามสถานะการดูแลผู้ป่วยในวอร์ด ญาติและผู้ป่วยสามารถดูได้ว่าค่ารักษาเท่าไหร่แล้ว และหมอจะมาตรวจเมื่อไหร่
“มาโรงพยาบาลแต่ไม่อยากรอ”
เชื่อว่าในยุคที่ต้องระวังตัว ไม่รู้จะติดโรคเมื่อไหร่ ที่ไหน จากใคร การมาโรงพยาบาลครั้งหนึ่งก็อยากใช้เวลาให้น้อยที่สุด ดังนั้นสมิติเวชจึงเปิดใช้งานแอปฯ ‘Samitivej Plus’ ที่ผู้ป่วยสามารถจองหมอ เช็กโพรไฟล์หมอ และเลือกได้ว่าอยากรักษากับใคร รวมถึงสามารถจ่ายเงินค่ารักษาผ่านแอปฯ นี้ได้เลย
“แอปฯ นี้ทำให้การมาหาหมอครั้งหนึ่งสามารถประหยัดเวลาขึ้นมากถึง 60% เร็วขึ้นมากจริง ๆ” นพ.ชัยรัตน์บอก

“กังวลการติดเชื้อ”
สุดท้ายแล้ว สมิติเวชพยายามทำ Social Distancing ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นจึงมีการใช้หุ่นยนต์ Healthy Bot ในโรงพยาบาล ช่วยขนส่งหรือสื่อสารกับผู้ป่วย โดยไม่ต้องสัมผัส
“เราเชื่อว่าสิ่งที่สมิติเวชทำ ไม่ได้เพียงแค่คนไข้เราจะไม่ป่วยเท่านั้น แต่การเสริมสร้างสุขภาพให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบองค์รวม นั่นจะนำไปสู่การที่ชุมชนไม่ป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคาดหวังที่สุด” นพ.ชัยรัตน์ ปิดท้าย
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
