MBK ทุ่ม 500 ล้านเพื่อรีโนเวตห้างใหม่ ตั้งเป้าดึงลูกค้าไทยเพิ่ม (วิเคราะห์)
ภายหลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าหลายแห่งต้องซบเซา และบางแห่งอาจเข้าขั้นวิกฤต ห้างเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ศูนย์การค้าใจกลางเมืองที่เป็นที่นิยมของกลุ่มชาวต่างชาติ รวมถึงนักเรียนนักศึกษาในละแวกนั้น ต้องซบเซาและเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยผลกระทบจากคำสั่งปิดประเทศเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
แต่อย่างไรก็ดี ในวันนี้ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้มีการปรับโฉมใหม่เพื่อเตรียมพร้อมเปิดให้บริการในปลายปีนี้ และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 โดยห้างสรรพสินค้าได้มีการปรับโฉมใหม่ในหลาย ๆ ส่วน อาทิ
- มีการจัดแบ่งโซนใหม่ให้เป็นระเบียบมากขึ้น
- มีการเพิ่มร้านค้าและร้านอาหาร เช่น Tim Hortons, สุกี้ตี๋น้อย, ชินคังเซ็น ซูชิ, ดองกิ, Oppa Daek, JBUYNOW เป็นต้น
- มีการเพิ่มโซนใหม่ คือโซนที่เป็นร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตอบโจทย์นักเที่ยวกลางคืน โดยมีการปรับเปลี่ยนเป็นระเบียงแทนการใช้กระจกใสกั้น โดยร้านที่เพิ่มมา อาทิ Cat on the roof, Secret Chamber, Taurus เป็นต้น
- เพิ่มตู้ต่อ Passport ด้วยตัวเองของกรมการกงสุล กว่า 50 ช่อง
- เพิ่มโซนสินค้าจากโรงงานที่นำมาขายในราคาถูก
- ปรับปรุงโรงหนัง SF Cinema ทุกโรง เพิ่มลิฟต์แก้วที่เปิด 24 ชั่วโมง
- ขยายโซนร้าน Maidreamin ให้สามารถเปิดกลางคืนได้ด้วย มีคอนเซ็ปต์ที่ดูเซ็กซี่ขึ้น
- รวบรวมสถาบันกวดวิชากว่า 25 สถาบัน เข้ามาไว้ในชั้น 4-6
สมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าเอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หลังโควิดทุกคนอยากออกมารับประทานอาหารนอกบ้าน จึงเน้นการปรับปรุงไปที่ร้านอาหารมากเป็นพิเศษ ส่วนในด้านแฟชั่นไลฟ์สไตล์ยังเป็นโจทย์รองลงมา เพราะเสื้อผ้าเราสามารถใส่ซ้ำได้ แต่อาหารเป็นสิ่งจำเป็น
สมพลยังกล่าวต่อว่า ร้านอาหารที่ MBK นำเข้ามาส่วนมากจะเป็นร้านอาหารที่ยังไม่มีในละแวกใกล้เคียง เน้นความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนระดับใดก็สามารถเข้าถึงได้ มีตั้งแต่ราคาถูกยันแพง
โดยการรีโนเวตตอนนี้สำเร็จไปแล้ว 70% ซึ่งคาดว่าภายในไตรมาส 2 ปี 2565 จะแล้วเสร็จกว่า 96% แต่ในวันที่ 26 -31 ธันวาคมนี้ จะมีการจัดอีเวนต์เฉลิมฉลอง 6 วันเต็ม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “MBK MB COOL” พร้อมโปรโมชั่นแคมเปญต่าง ๆ เพื่อเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า และยังมีการเชิญศิลปินมามอบความสุขให้แก่ลูกค้าในช่วงส่งท้ายปีอีกด้วย ได้แก่ Three Man Down, BNK48, CGM48, SBFIVE, ไข่มุก เดอะวอยซ์ และนนท์ ธนนท์
สำหรับสัดส่วนที่ตั้งไว้ในปี 2565 คือ 60:40 (60% คนไทย 40% ชาวต่างชาติ) จากเมื่อก่อน 40:60 (40% คนไทย 60% ชาวต่างชาติ) ส่วนเป้าทราฟฟิกที่คาดหวังไว้คือวันละ 90,000 คน โดยเน้นในส่วนของสถาบันกวดวิชาที่จะสามารถเพิ่มจำนวนทราฟฟิกให้บรรลุเป้าหมายได้
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ