ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้
เป็นเวลาเกือบ 3 ปีที่นักการตลาดสับสน เครียด และตัดสินใจวางแผนการตลาดบนความไม่รู้ ที่ยืนอยู่บนสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่มีความแน่นอน ผันผวน ไม่ชัดเจน เศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว แถมโลกและสังคมยังมีการเปลี่ยนแปลงบนสถานการณ์ที่ท้าทายต่าง ๆ
ทั้งจากโควิด-19 และสถานการณ์รัสเซีย–ยูเครนในปัจจุบัน
ปัญหาจากซัปพลายเชน ต้นทุนสินค้า และอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นและยากจะคาดเดา
ไม่รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
สถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ ได้หล่อหลอมให้โลกของการทำการตลาดวันนี้กลายเป็นโลกที่ไม่เคยรู้จัก และเกิดความไม่เข้าใจมากมายว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
แต่การเปลี่ยนแปลงทั้งหมด มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ขึ้นอยู่กับว่านักการตลาดปรับตัวและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน
เมื่อโลกมีแต่คำว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่รู้ แล้วนักการตลาดจะทำอย่างไร
อนุวัตร เฉลิมไชย นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย บอกกับเราในงาน Thailand Marketing Day 2022 ว่า การทำตลาดของนักการตลาดบนโลกที่เต็มไปด้วย Unknow ที่เราไม่รู้
การทำตลาดผ่านแนวทาง H.E.A.R.T Marketing การทำตลาดด้วยหัวใจ อาจเป็นคำตอบที่ทำให้นักการตลาดเจอโอกาส และเดินหน้าต่อไปบนโลกที่มีแต่คำว่าไม่รู้ได้
ซึ่งคำว่า H.E.A.R.T Marketing ของนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ประกอบด้วย
H – Humanize
ในยุคที่ยากลำบาก ความเห็นอกเห็นใจสำคัญมาก ผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่มีความเป็นมนุษย์ มีจิตสำนึก มีความเข้าใจ มีความโปร่งใส และมีเป้าหมายเดียวกับพวกเขา หากแบรนด์จริงใจ
และสามารถสร้างมิตรภาพจนความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเหมือนเพื่อน จะเป็นส่วนประกอบที่สำคัญให้แบรนด์สามารถก้าวไปอยู่ในใจของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
E – ESG & Sustainability
ในขณะที่สถานการณ์โควิด การเมืองโลก เศรษฐกิจ ธุรกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ มีแต่ความไม่รู้ (unknown) และไม่แน่นอน (unpredictable)
แต่สิ่งหนึ่งที่รู้แน่ชัด คือ โลกใบนี้กำลังถดถอยและต้องการการเยียวยา ประเทศต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญและยกให้เรื่อง Green Trend นี้เป็นวาระระดับโลก
การทำตลาดบนแนวทาง ESG & Sustainability ของภาคธุรกิจไม่ควรจำกัดเฉพาะการทำ CSR ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) อีกต่อไป
โดยเฉพาะเรื่อง ESG ต้องถูกพัฒนาไปเป็นรูปแบบของ Sustainable Marketing อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งเรื่องของกระบวนการผลิต แนวคิดผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการปรับโมเดลธุรกิจให้เกิดผลเชิงบวกกับ Profit – People – และ Planet ไปพร้อม ๆ กัน
A – Agile
ในที่นี้คือ ความคล่องตัวในทุกแง่มุม ทั้งรูปแบบ Agile Structure ขององค์กร ที่ต้องปรับให้เอื้อต่อการตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เป็นอิสระต่อกัน
ทีมงานต้องมี Agile Mindset ที่พร้อมเปิดรับความเปลี่ยนแปลง ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีมเพื่อร่วมแก้ปัญหา กระตุ้นให้กล้าคิดที่จะสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใหม่ ๆ บรรลุเป้าหมาย
ในมุมของการตลาด ก็ต้องมี Agile Marketing คือมีกลยุทธ์และแผนการตลาดที่มีความยืดหยุ่น มีการคิดมาอย่างรอบคอบ และมีแผนสำรองที่หลากหลาย พร้อมปรับเปลี่ยนให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
R – Resilience
สถานการณ์ที่ผ่านมาหลายภาคส่วนและหลาย ๆ ธุรกิจได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก แต่หนึ่งในความท้าทายที่เป็นโอกาส คือ เรื่องการ “ล้มแล้วลุกเร็ว” เมื่อธุรกิจหรือแผนการตลาดไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ธุรกิจต้องเรียนรู้ เพื่อนำมาปรับและเตรียมพร้อมรับมือ
ความ resilience ภายใน คือวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้คนลองผิดลองถูกให้คนมี growth mindset และมีที่ให้พวกเขาได้พัฒนาส่วนภายนอกนั้น บางครั้งการ resist ไม่ได้แปลว่าการยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ แต่คือการกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่ออยู่รอด
T – Transformation
ในยุคนี้ องค์กรต้องพร้อมเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ ในวิกฤตที่เกิดขึ้น ยังมีโอกาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพและรักโลกมากขึ้น ยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อได้รับสิ่งที่ดีกว่า
เรื่องของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นใน 1-2 ปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่อง new platform เรื่อง digital asset หรือแม้แต่การเกิดขึ้นของ metaverse โลกเสมือนที่จะมาเปลี่ยนวิถีชีวิตและวิถีการทำธุรกิจในอนาคต
เทรนด์และโอกาสนั้นมีมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญคือ องค์กรต้องรู้จักเลือก ว่าโอกาสไหนที่เหมาะกับธุรกิจ
ทั้งนี้ในโลกแห่งความไม่รู้ สิ่งหนึ่งที่จะเป็นกุญแจสู่ประตูแห่งความเข้าใจ คือเรื่องของ data ทุกองค์กรและนักการตลาดทุกคน ต้องเริ่มนำ data มาใช้ โดยการเก็บ Big Information ประมวลผลเป็น Meaningful Data แล้วมาสร้างให้เกิดเป็น Impactful Action ที่ช่วยให้ชีวิตของลูกค้าได้ดีขึ้น ช่วยให้โลกดีขึ้น และช่วยให้ธุรกิจมีผลกำไรมากขึ้นตามมา
I-
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ