เงินเฟ้อ, ไฟแนนซ์, เศรษฐกิจโลกสะดุด ส่งตลาดรถยนต์ในไทยปี 2566 หดตัว -6% แม้เซกเมนต์อีวี โตแรงไม่หยุด 405% ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด หากมาตรการ EV 3.5 สื่อสารชัด ตอบโจทย์ อาจดันยอดขายปี 2567 แตะแสนคัน       

 

ตลาดรถยนต์ในไทยปี 2566

อีวีโตแรงไม่หยุด แต่ตลาดรวมยังหดตัว

ยอดขาย/ปี พ.ศ. รถยนต์สันดาป, ไฮบริด, ปลั๊กอินไฮบริด/คัน รถยนต์อีวี/คัน รถยนต์รวม / คัน
2565 835,934

10%

13,454

589%

849,388

13%

2566 (คาดการณ์) 727,000

-13%

68,000

405%

795,000

-6%

2567 (คาดการณ์) 725,000

-0.3%

85,000

25%

810,000

2%

% = การเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ที่มาข้อมูล: สถาบันยานยนต์ คาดการณ์โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, ตุลาคม 2566

ปัจจัยส่งตลาดรถยนต์ในไทยปีนี้หดตัว

รูป 1

ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เผยว่าตลาดรถยนต์ในไทยปี 2566 เผชิญสถานการณ์ยากลำบากจากปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่

อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เนื่องจากรถปิกอัพส่วนใหญ่เป็นรถที่ใช้ในการทำธุรกิจ อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนสินค้าสูงขึ้น ทำให้รายได้ลดลง

ความเข้มงวดของการปล่อยไฟแนนซ์ เนื่องจากผู้ใช้รถปิกอัพส่วนใหญ่จะซื้อเงินผ่อนและการปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดทำให้รถที่ผ่านการอนุมัติจากไฟแนนซ์มีจำนวนลดลง แม้ว่าความต้องการของลูกค้ายังคงมีอยู่ แต่ถ้าไม่ผ่านไฟแนนซ์ก็ออกรถไม่ได้

ภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย รวมทั้งความขัดแย้งทางด้านสงครามในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะรัสเซียกับยูเครน

เสริมข้อมูลเพิ่มเติมจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคาดการณ์ตลาดรถยนต์รวม ปี 2566 หดตัว -6% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ยอดขายรถยนต์ BEV ในไทยจะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นนั้นมาจากการเปลี่ยนมาซื้อรถยนต์ BEV แทนรถยนต์ใช้น้ำมันของผู้บริโภคบางส่วน

เมื่อผนวกกับความเปราะบางของสถานะทางการเงินของครัวเรือนและธุรกิจส่วนใหญ่ในขณะนี้ที่เผชิญกับปัญหาสะสมจากหนี้ที่สูง การฟื้นตัวของรายได้ที่ต้องใช้เวลา

เช่น ลูกค้ารถปิกอัพส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรหรือ SMEs ที่รายได้อาจมีความไม่แน่นอนและประสบกับผลกระทบจากหลายวิกฤตในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) ต่าง ๆ

รถปิกอัพยอดขายทรุดหนักรอบหลายปี

รูป 2

เป็นเครื่องยืนยันว่าปี 2566 เป็นปีที่สถานการณ์รถยนต์รวมเผชิญความยากลำบากอย่างแท้จริง หลังปิกอัพ เซกเมนต์รถที่ครองมาร์เก็ตแชร์มากสุดในตลาด หดตัวลงมากสุดในรอบหลายปี

ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ เผยว่า 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2566 ยอดขายรถยนต์รวมอยู่ที่ 526,489 คัน ลดลง -5.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

แบ่งเป็นเซกเมนต์รถปิกอัพ 189,555 คัน ลดลง -26.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว มาร์เก็ตแชร์ 36% ซึ่งถือว่าต่ำสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

5 รุ่นรถปิกอัพ ยอดขายสูงสุด

ม.ค. – ก.ย. 2023

5 รุ่นแรก ยอดขายมากสุด จำนวน/คัน ส่วนแบ่งตลาด
Isuzu D-max 91,609 45.2%
Toyota Hilux Revo 83,001 38.8%
Ford Ranger 19,432 9.2%
Mitsubishi Triton 10,497 4.9%
Nissan Navara 2,579 1.1%
รวมทุกแบรนด์ในตลาด 127,524 100%
ที่มา: กรมการขนส่งทางบก, Autolifethailand, ตุลาคม 2566

อีวี โตแรงสวนตลาด

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 2566 ยอดขายรถยนต์ BEV อยู่ที่ 41,844 คัน ผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ BEV ในตลาดรถยนต์รวมในไทยมีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น 8.6% จาก 1% ในปี 2565

คาดการณ์ว่าจากผลของมาตรการ EV 3.0 ที่จะคงอยู่ถึงสิ้นปี 2566 รถยนต์ BEV มีโอกาสทำยอดขายได้สูงถึง 68,000 คัน เพิ่มขึ้น 405% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 8.6% ของยอดขายรถยนต์รวม ซึ่งชะลอตัวลงจากการเผชิญปัญหาในด้านต่าง ๆ ข้างต้น

5 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

จดทะเบียนใหม่สูงสุด ม.ค.-ก.ย. 2566

5 รุ่นแรก จดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) มากสุด จำนวน/คัน ส่วนแบ่งตลาด
BYD Atto 3 15,924 31.63%
Neta V 9,294 18.46%
Tesla Model Y 4,753 9.44%
ORA Good Cat 4,362 8.66%
MG EP 3,110 6.18%
รวมทุกแบรนด์ในตลาด 50,347 100%
ที่มา: กรมการขนส่งทางบก, Autolifethailand, ตุลาคม 2566

ปีหน้ายอดขายอีวีอาจแตะแสนคัน

รูป 3

ปี 2567 การทยอยเข้ามาเพิ่มเติมของรถยนต์ BEV ค่ายใหม่ ๆ ในตลาด ทั้งจากจีน เกาหลี และการลุยตลาด BEV ของค่ายญี่ปุ่นบางราย ส่งผลให้ตลาดจะยิ่งมีความคึกคักขึ้น มีโอกาสให้ยอดขายรถยนต์ BEV เพิ่มขึ้นไปถึง 85,000 คัน ส่วนแบ่งตลาดขยับขึ้นไปแตะ 10%

ทั้งนี้ คาดการณ์ดังกล่าวอยู่ภายใต้มุมมองที่ระมัดระวังจากปัจจัยข้างต้น และประเด็นความต่อเนื่องด้านนโยบายของภาครัฐ โดยเฉพาะยอดขายรถยนต์ BEV ในช่วงไตรมาส 1/2567 ที่อาจได้รับผลกระทบจาก

1. การรอความชัดเจนของมาตรการ EV 3.5 ทั้งจังหวะเวลาของการบังคับใช้และเงื่อนไข รายละเอียดต่าง ๆ ในส่วนที่จะผูกพันถึงแผนกระตุ้นการผลิตในประเทศ การให้ส่วนลดด้านราคา ว่าจะมีความแตกต่างจากมาตรการ EV 3.0 อย่างไร

2. การที่ค่ายรถยนต์ BEV ที่เข้าร่วมมาตรการ EV 3.0 ส่วนใหญ่กว่าจะเริ่มผลิตขายในประเทศได้ เพื่อรับเงินสนับสนุนต่อเนื่องก็น่าจะเป็นช่วงเลยไตรมาส 1/2567 ไปแล้ว (รถยนต์ BEV นำเข้าที่จะได้รับเงินสนับสนุนต้องขายและจดทะเบียนป้ายขาวเรียบร้อยก่อนถึงสิ้นปี 2566)

3. แผนการสนับสนุนการลงทุนในรถยนต์สันดาปภายในหรือรถยนต์ใช้น้ำมันของภาครัฐ ในช่วงการเปลี่ยนผ่านของซัปพลายเชนไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์แห่งอนาคต

โดย หากประเด็นต่าง ๆ ข้างต้น มีรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น กรณีภาครัฐประกาศเดินหน้ามาตรการ EV 3.5 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 และเงื่อนไขของมาตรการยังคงจูงใจค่ายรถ BEV ให้เข้าร่วม และผลักดันแผนการทำการตลาดที่สามารถกระตุ้นความสนใจของผู้ซื้อได้อย่างต่อเนื่อง

ก็อาจทำให้ยอดขายรถยนต์ BEV ในปี 2567 ปรับเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่คาด โดยเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่ายอดขาย BEV ในปี 2567 ในกรณีดีนี้ อาจขยับไปได้ถึงระดับ 100,000 คัน หรือขยายตัว 47% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer