แม้มีรูปแบบงานต่างกันไป ขณะที่เทรนด์และเพื่อนร่วมงานก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่ที่ไม่เคยเปลี่ยนและยังมีความจำเป็น คือ ทุกคนต้องส่งใบสมัคร กรอกประวัติและสัมภาษณ์งานให้ผ่านเสียก่อน

ในบรรดา 3 ขั้นตอนนี้ อาจกล่าวได้ว่าการสอบสัมภาษณ์สำคัญที่สุด เพราะต่อให้ประวัติย่อดีแค่ไหน เขียนใบสมัครดียังไง แต่ถ้าสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน 2 ขั้นตอนก่อนหน้าก็จะไร้ความหมายและดับฝันการได้งานไปเลย

นอกจากนี้ การสัมภาษณ์งานยังเป็นการทำให้ผู้สมัครกับบริษัทได้พบปะพูดคุย ทำความรู้จัก และเห็นหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรกอีกด้วย เพื่อให้บริษัทได้ตัดสินขั้นสุดท้ายว่า จะรับผู้สมัครคนนี้เข้าทำงานหรือไม่

นี่จึงทำให้เคล็ดลับการสอบสัมภาษณ์ให้ผ่านยังเป็นที่ต้องการอยู่เสมอของโลกการทำงาน ทว่ายังมี How to อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ สิ่งที่ไม่ควรทำพลาดในวันสอบสัมภาษณ์

อวยตัวเองมากไป: ทุกคนย่อมต้องบอกข้อดีและจุดแข็งของตัวเองในวันสอบสัมภาษณ์ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ดูเป็นการอวยตัวเองจนเกินไป

แค่บอกจุดแข็งหนึ่งหรือสองข้อที่สามารถนิยามตัวคุณได้ก็พอแล้ว จำไว้ว่าทุกบริษัทต้องการคนทำงานเป็นและทำงานดีเท่านั้น ไม่ใช่ที่คนอวดว่าตนเก่งระดับซูเปอร์ฮีโร่ แต่เมื่อรับเข้าทำงานและลงงานจริง ๆ กลับทำไม่ได้ตามที่พูดไว้

 

ไม่เปิดช่องการสนทนา: ถ้าคุณอยากให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและหัวหน้าแผนกที่มาสัมภาษณ์ชอบคุณ ก็อย่ามั่นใจตัวเองมากจนเกินไป ต้องให้อีกฝ่ายได้พูดและควบคุมการสนทนา

ตามผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย Harvard ในสหรัฐฯ ระบุว่า คนที่มั่นใจตัวเองมากไปส่วนใหญ่จะพูดแต่เรื่องของตัวเอง จนแทบไม่ปล่อยให้ผู้อื่นได้พูดบ้าง

นี่จะทำให้โอกาสสอบสัมภาษณ์ผ่านลดฮวบลงไป เพราะผู้สัมภาษณ์งานจะมองผู้มาสัมภาษณ์งานในด้านลบไปแล้วนั่นเอง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำเพื่อสร้างความประทับใจเมื่อสอบสัมภาษณ์ คือ ตอบคำถามแต่พอดี ถามกลับเมื่อผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาสเท่านั้น

 

ช้าหรือเงียบจนผิดสังเกต: ความพอดีเป็นกฎที่ใช้ได้กับทุกเรื่อง รวมถึงการสัมภาษณ์งานด้วย ดังนั้น ถัดจากระวังอย่าพูดมากเกินจนไปเปิดช่องการสนทนาแล้ว คือ อย่าตอบคำถามช้าหรือเงียบนานเกินไป

ผู้มาสอบสัมภาษณ์สามารถใช้เวลาคิดก่อนตอบคำถามได้ แต่ก็ไม่ควรทิ้งช่วงให้เงียบนานเกินไป โดยเฉพาะคำถามสำคัญ ๆ อย่างคุณสมบัติ และข้อดี-ข้อด้อย

เพราะจะทำให้ฝ่ายที่ถามคิดไปได้ว่า อีกฝ่ายไม่ได้มีคุณสมบัติตามข้อมูลในใบสมัคร หรือให้ข้อมูลเท็จ  สิ่งที่ต้องห้ามในข้อนี้ยังรวมถึงการตอบแบบห้วน ๆ กว้าง ๆ โดยไม่อธิบายเพิ่มเติมอีกด้วย

เช่น เมื่อถูกถามว่า ชำนาญด้านไหน ก็ตอบแค่ว่า คอมพิวเตอร์ แล้วเมื่อถูกถามต่อก็ยังตอบสั้น ๆ แค่ว่า ด้านซอฟต์แวร์ แต่ไม่ได้ระบุชื่อซอฟต์แวร์ให้ชัดเจนลงไป

 

คิดเอาเองว่า ‘คงไม่เป็นไร’: จริงอยู่ที่โลกการทำงานในปัจจุบันเปลี่ยนไป แต่มารยาทและกฎระเบียบต่าง ๆ โดยเฉพาะในการสอบสัมภาษณ์ เช่น การแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ไปสัมภาษณ์ให้ตรงตามเวลาที่นัดไว้

ทักทายสัมภาษณ์โดยให้เกียรติและขอบคุณเขาหรือเธอที่สละเวลา จึงยังเป็นสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้น อย่าคิดไปเองว่าไม่เป็นไร แม้เป็นบริษัทที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ ที่ไม่เคร่งเรื่องกฎระเบียบมากนักก็ตาม   

 

มองไม่เห็นสัญญาณสำคัญ: อย่างสุดท้ายที่ถ้าพลาดแล้วจะสอบตกสัมภาษณ์งาน คือ การอ่านภาษากาย อวจนภาษา ท่าทางและสัญญาณต่าง ๆ ที่ผู้สัมภาษณ์ส่งออกมา

เช่น เสียงดังที่แสดงความไม่พอใจ การแสดงท่าทีครุ่นคิด หรือรอยยิ้ม เพราะการจับสัญญาณนี้ได้ จะทำให้บทสนทนาตลอดการสัมภาษณ์ลื่นไหล ขณะเดียวกันก็ไม่ทำสิ่งที่เขาหรือเธอไม่ชอบ โดยที่ไม่ต้องบอก

หากไม่ลืมข้อนี้ผู้มาสอบสัมภาษณ์ก็จะทำให้ผู้สัมภาษณ์ประทับใจ และโอกาสผ่านการคัดเลือกขั้นสุดท้ายก็จะราบรื่นจนได้งานตามตั้งใจในที่สุด/fastcompany   


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer