นอกเหนือจากมุมมองทางธุรกิจที่เฉียบคม และต่อยอดเก่งแล้ว คำตอบแรก ๆ ที่คนทั่วโลกนึกถึงเมื่อถูกถามถึงจุดเด่นของชาวจีน คือ การให้ความสำคัญกับครอบครัว จนนำมาสู่ตรุษจีนที่จัดกันเป็นประจำทุกปี

เมื่อเทศกาลที่มีประวัติยาวนานและเป็นวันหยุดยาวนี้มาถึง ชาวจีนในประเทศจะพากันกลับบ้านจนเกิดเป็นการเดินทางครั้งใหญ่สุดของโลกประจำทุกปี  

ปีนี้ทางการจีนประเมินว่า จำนวนผู้คนเฉพาะในประเทศที่เดินทางจะมากสุดในรอบหลายปี เพราะอัดอั้นมาหลายปีจากสถานการณ์โควิด

ทว่าขณะเดียวกันก็มีข้อมูลที่ชี้ว่า ตรุษจีนในจีนเริ่มไม่เหมือนเดิมและบางอย่างกำลังขาดหาย โดยตัวละครหลักของเรื่องคือประชากรรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

Mafengwo เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยวในจีน ได้สำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่าง Gen Y หรือ Millennials ที่มีอายุระหว่าง 30 ถึง 42 ปี ด้วยคำถามว่า การไปเที่ยวคนเดียวช่วงตรุษจีนถือเป็นการทำให้ครอบครัวห่างเหินหรือไม่

ปรากฏว่าส่วนใหญ่ของกลุ่ม 6,000 คนตอบว่า ไม่ และมียอดการกดเข้าไปดูสูงถึง 1 ล้านครั้ง เรื่องนี้น่าสนใจ เพราะจีนมีประชากรกลุ่ม Gen Y อยู่มากถึง 400 ล้านคน

ดังนั้น การที่กลุ่มนี้เลือกไปเที่ยวแทนกลับไปฉลองเทศกาลตรุษจีน ย่อมสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในครอบครัวจีนยุคใหม่อย่างมีนัยสำคัญ  

สำนักข่าว BBC ของอังกฤษที่นำเรื่องนี้มาตีแผ่ รายงานว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้ ประชากร Gen Y ของจีนไม่กลับบ้านทั้งที่เป็นตรุษจีน เทศกาลสำคัญสุดของครอบครัวที่ญาติมารวมตัวกัน

รายงานจาก BBC ระบุว่า ประชากร Gen Y ของจีนได้รับการศึกษาสูง มีความคิดเป็นอิสระ มีทางเลือกมากขึ้น และอยากใช้เวลาพักผ่อนไปเฉพาะกับครอบครัวขนาดเล็กของตัวเองที่เพิ่งสร้างขึ้นเท่านั้น

เพราะเห็นว่าประหยัดและไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาก ส่วน Gen Y จีนที่ยังโสด ก็เหนื่อยที่ต้องตอบคำถามว่า ทำไมถึงยังไม่แต่งงาน สร้างครอบครัว และมีลูก

จนทำให้คนวัยนี้กลุ่มใหญ่เกลียดตรุษจีน ทั้งจากเบื่อตอบคำถามดังกล่าว และเห็นว่าเป็นประเพณีตกยุค

ด้านกลุ่ม Y จีนที่ยังกลับบ้านไปหาพ่อแม่ช่วงตรุษจีน บางคนก็ยอมรับว่า ไปเพื่อรักษาหน้า ตามคำจีนที่ว่า เมียนจื่อ เท่านั้น และทุกครั้งที่ไปก็ลำบากก็กดดัน เพราะยังต้องให้เงินพ่อแม่และน้อง ๆ ตามประเพณีอยู่

ทั้งที่เงินใช้จ่ายในครอบครัวตัวเองก็แทบใช้ไม่พอกันอยู่แล้วจากปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็เข้าใจว่าพ่อแม่ก็ต้องถูกกดดันจากคนรุ่นเดียวกันที่อยู่รอบบ้านเช่นกัน

รายงานของ BBC สรุปว่า การที่ Gen Y จีน เลือกไม่กลับบ้านช่วงตรุษจีนกันมากขึ้นนี้ สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในสถาบันครอบครัว โดยหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความอบอุ่นจะลดลงและห่างเหินกันยิ่งขึ้น

ซึ่งก็เป็นไปได้สูง โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่อายุระหว่าง 27 ปีลงมา และเป็นรุ่นน้อง Gen Y เพราะคนรุ่นนี้ยังเป็นวัยรุ่นและเผชิญปัญหามากมายที่รุมประดังเข้ามามากกว่า Gen Y

ทำให้เมื่อปี 2023 เกิดกระแส  Gen Y กับ Gen Z พากันไปทัวร์ขอพรสิ่งศักด์สิทธิ์ ที่เรียกกันว่าวัยรุ่นจุดธูปขึ้นมา และ Gen Z จีนกลุ่มใหญ่ก็ถึงขั้นท้อ อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ไปเรียนและหางานใด ๆ  ที่เรียกว่า ขอเป็นลูกแบบเต็มเวลา (Fulltime Children)

จากสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ในระยะยาวชาวจีนยุคใหม่ไม่อยากเพิ่มภาระให้ตัวเอง จึงเลือกเป็นโสดกันมากขึ้น ทั้งที่รัฐบาลพยายามหาทางโน้มน้าวและจูงใจให้แต่งงานมีครอบครัวและมีลูกหลายคน เพื่อป้อนคนเข้าตลาดแรงงานมากระตุ้นเศรษฐกิจ/bbc, globaltimes


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer