DQ Lounge คอนเซ็ปต์ร้านใหม่ของ แดรี่ควีน นั่งรับประทานในร้าน ดันยอดขายเพิ่ม 20% ทุ่ม 200 ล้าน ขยายสาขาเพิ่ม 60 แห่ง
แดรี่ควีนเปิดคอนเซ็ปต์สโตร์ใหม่ DQ Lounge เพิ่มประสบการณ์ใหม่ ช่วยดันยอดขายสาขาเพิ่ม ตั้งเป้าเปิดเลานจ์เพิ่ม 10 แห่งในปีนี้ เน้นศูนย์การค้าพรีเมียมสโตร์
ตลาดไอศกรีมเย็นเย็นกำลังแข่งกันอย่างร้อนระอุ เมื่อผู้เล่นน้อยใหญ่ตบเท้าลงท้าศึก เพิ่มความคึกคักให้ตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ 25,000 ล้านบาท ตั้งแต่เปิดศักราช
คุณธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ดีคิว จำกัด บริษัทในเครือ ไมเนอร์ กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจร้านไอศกรีมแดรี่ควีน เปิดเผยว่า คาดการณ์มูลค่าตลาดไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟในปีนี้อยู่ที่ 25,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดแพ็กเกจที่จำหน่ายในตู้ไอศกรีมร้านค้า 15,000 ล้าน เติบโตอย่างมากตามการขยายตัวของร้านสะดวกซื้อ และอันแพ็กเกจ (เช่น แดรี่ควีน สเวนเซ่นส์) มูลค่า 10,000 ล้านบาท

แม้มีแบรนด์ต่างประเทศมากหน้าหลายตาเปิดตัวท้าชิงส่วนแบ่งไม่เว้นแต่ละวัน แต่ไม่ได้ทำให้บัลลังก์ของแดรี่ควีนสั่นคลอน เนื่องจากสถิติการบริโภคไอศกรีมแดรี่ควีนของลูกค้ายังไม่มีทีท่าลดน้อยลง โดยปกติลูกค้ารับประทานไอศกรีมแดรี่ควีนเฉลี่ย 1.3 ครั้งต่อเดือน และมีแนวโน้มที่ความถี่จะสูงขึ้นอีกเมื่อแบรนด์เติมโมเดลร้านใหม่มาเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค
ตั้งแต่ต้นปีที่ แดรี่ควีน (Dairy Queen) ประกาศจุดยืนในการเป็น “The playground for a sweet pause” สถานที่สำหรับแวะพัก เติมพลังให้กับชีวิต หนึ่งในกลยุทธ์ไฮไลท์ของปี คือ การสร้างประสบการณ์พิเศษให้ผู้บริโภค ผ่านโมเดลร้านรูปแบบใหม่ในคอนเซ็ปต์ “DQ Lounge” พลิกโฉมแบรนด์ใหม่ ภายใต้คาแรกเตอร์ ทันสมัย รักสนุก เจาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันนิยมมองหาร้านที่สามารถแวะนั่งพักผ่อนระหว่างการเดินช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า
ลูกค้าของแบรนด์มีตั้งแต่อายุ 12-45 ปี แต่สำหรับกลุ่ม target แดรี่ควีนโฟกัส คือ กลุ่มลูกค้าอายุ 18-35 ปี เนื่องด้วยเป็นวัยที่จะอยู่กับแบรนด์ไปได้นาน และเป็นช่วงรอยต่อที่ลูกค้าจะสามารถแนะนำแดรี่ควีนต่อให้ลูกในอนาคตได้

สาขา DQ Lounge แตกต่างด้วยขนาดพื้นที่รองรับการให้บริการ 40 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ เคาน์เตอร์ให้บริการลูกค้า พื้นที่อีกโซนเป็นโต๊ะและที่นั่งสำหรับรองรับลูกค้า ตกแต่งร้านสไตล์โมเดิร์น สนุกสนาน สร้างสรรค์เมนูที่ไม่มีเหมือนสาขาทั่วไป
มีเมนูสุดพิเศษที่มีจำหน่ายเฉพาะที่สาขานี้เท่านั้น เช่น ของหวานกลุ่มเบเกอรี่ อาทิ บราวนี่ โทสต์ และ พาร์เฟต์ (เมนูนี้ช่วยสร้างยอดขายให้ร้านเพิ่ม 10%) อัปเกรด Topping เช่น กล้วย เลดี้ฟิงเกอร์ โอริโอ้ ให้สั่งเพิ่มได้ทั้งหมด ราคาเริ่มต้น 79-129 บาท ขณะที่คีออสราคาเริ่มต้น 12 – ไอศกรีมเค้ก 499 บาท
การเลือกเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต เปิดสาขาแรก พิจารณาจากขนาดพื้นที่ ผู้เข้าใช้บริการของห้างมีหลากหลายกลุ่ม เหมาะเป็นโมเดลต้นแบบเพื่อเก็บรวบรวมอินไซด์ของผู้บริโภคและนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ โปรโมชัน รวมถึงการขยายโมเดลไปยังสาขาอื่น ๆ ต่อไป
จากการเปิดให้บริการมาสองเดือน ทำให้เห็นสถิติยอดใช้จ่ายต่อบิลสูงขึ้น ต่างจากสาขาคีออส 20 บาท และขับเคลื่อนยอดขายโดยรวมของแดรี่ควีนในเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต โตขึ้น 20% คาดหวังว่าร้านโมเดลดังกล่าวจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าให้กับแบรนด์ได้มากขึ้น 10% และทุกสาขาที่เปิด จะช่วยดันยอดขายรวมเพิ่มขึ้นเช่นนี้ทุกแห่ง โดยพบกับสาขา 2 ได้ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
ปัจจุบันโมเดลร้านของแดรี่ควีนแบ่งเป็น คีออส Grab and Go 90%, คีออสพร้อมที่นั่ง 9.9% และ 0.01% แบบเลาจ์ แบ่งเป็นสาขาที่แบรนด์ลงทุนเอง 45% และแฟรนไชส์ 55%
ปี 2567 แดรี่ควีนทุ่มงบลงทุน 200 ล้าน เพื่อขยายเพิ่ม 60 สาขา มากกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 40 กว่าสาขา แบ่งเป็น คีออส 50 สาขา เลานจ์อีก 10 แห่ง และต้องเป็นสาขาที่มีคีออสเปิดให้บริการอยู่ก่อนเท่านั้น
“แดรี่ควีนเติบโตดับเบิลดิจิตมาโดยตลอด การขยายสาขาจากนี้ จะมุ่งเน้นในโซนต่างจังหวัด วางแผนขยายสาขาอย่างน้อย 1 แห่งในทุกจังหวัด ทั่วประเทศ ตลอดจนโฟกัสที่ห้างหรือศูนย์การค้าพรีเมียมสโตร์” คุณธนกฤตกล่าวสรุป
–
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
