1 พฤษภาคม 2567 วันแรกที่ธนาคารเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินต่างประเทศเป็นสกุลเงินบาท (Dynamic Currency Conversion Fee: DCC Fee) 1% จากการใช้บัตรเครดิตวีซา-มาสเตอร์การ์ดในการซื้อสินค้า และบริการด้วยสกุลเงินบาท ที่ร้านค้า, ร้านค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่จดทะเบียนต่างประเทศ เช่น Netflix, Booking.Com, Agoda, Apple, Google, Facebook, TikTok, Paypal, Taobao รวมถึงการกดเงินสดด้วยสกุลเงินบาทผ่านตู้ ATM ในต่างประเทศ

การเก็บค่าธรรมเนียมนี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน (FX Rate) เมื่อใช้บัตรเครดิตรูดใช้จ่ายในต่างประเทศที่ส่วนใหญ่แล้วธนาคารจะเก็บค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกิน 2.5% จากการใช้บัตรเครดิตและเดบิตในต่างประเทศ

ก่อนที่เราจะต้องจ่ายค่า DCC Fee ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ เรามาดูกันว่าที่ผ่านมาบัตรเครดิต (ที่ส่วนใหญ่ออกในนามวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด) ใช้จ่ายในต่างประเทศและแพลตฟอร์มที่จดทะเบียนในต่างประเทศมากแค่ไหน  (และขอแถมบัตรเดบิตที่ไม่เสียค่า DCC Fee ให้ดูเปรียบเทียบ)

และในทางกลับกันบัตรจากต่างประเทศเข้ามาใช้จ่ายในไทยมากเท่าไร

เราใช้บัตรเดบิต/เครดิตในต่างประเทศมากแค่ไหน และเมื่อเทียบกับต่างประเทศมาใช้ที่ไทยล่ะ

ในปีที่ผ่านมาข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยพบว่า คนไทยใช้บัตรเครดิต/เดบิต จ่ายในร้านค้าในต่างประเทศ, ร้านออนไลน์ และแพลตฟอร์มที่จดทะเบียนในต่างประเทศมากถึง 135.66 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 302,826 ล้านบาท

แบ่งเป็น

ชำระด้วยบัตรเครดิต ณ จุดขาย  

จำนวน 41.92 ล้านรายการ

มูลค่า 121,452 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 30.00 ล้านรายการ

มูลค่า 82,042 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิต ณ จุดขาย

จำนวน 37.28 ล้านรายการ

มูลค่า 49,465 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 24.81 ล้านรายการ

มูลค่า 31,970 ล้านบาท

ถอนเงินสด

จำนวน 1.61 ล้านรายการ

มูลค่า 17,590 ล้านบาท

 

เบิกเงินสดล่วงหน้า

จำนวน 0.03 ล้านรายการ

มูลค่า 307 ล้านบาท

 

เป็นมูลค่าที่เติบโตกว่าปี 2565 ที่มีการใช้จ่ายทั้งสิ้น 121.61 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 253,777 ล้านบาท

ประกอบด้วย

ชำระด้วยบัตรเครดิต ณ จุดขาย  

จำนวน 32.26 ล้านรายการ

มูลค่า 86,008 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 26.42 ล้านรายการ

มูลค่า 69,061 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิต ณ จุดขาย

จำนวน 42.57 ล้านรายการ

มูลค่า 61,098 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 18.91 ล้านรายการ

มูลค่า 18,996 ล้านบาท

 

ถอนเงินสด

จำนวน 1.43 ล้านรายการ

มูลค่า 18.311 ล้านบาท

 

เบิกเงินสดล่วงหน้า

จำนวน 0.03 ล้านรายการ

มูลค่า 303 ล้านบาท

 

และเมื่อเทียบกับการใช้บัตรเครดิต เดบิตต่างประเทศในประเทศไทย

พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 182.55 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 611,823 ล้านบาท ในปี 2566

แบ่งเป็น

ชำระด้วยบัตรเครดิต ณ จุดขาย

จำนวน 72.83 ล้านรายการ

มูลค่า 302,395 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 42.98 ล้านรายการ

มูลค่า 78,242 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิต ณ จุดขาย

จำนวน 28.59 ล้านรายการ

มูลค่า 69,870 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 14.79 ล้านรายการ

มูลค่า 12,007 ล้านบาท

 

ถอนเงินสด        

จำนวน 4.76 ล้านรายการ

มูลค่า 46,215 ล้านบาท

 

เบิกเงินสดล่วงหน้า          

จำนวน 18.46 ล้านรายการ

มูลค่า 103,094 ล้านบาท

 

และในปี 2565 มีจำนวนธุรกรรมทั้งสิ้น 116.75 ล้านรายการ มูลค่า 408,688 ล้านบาท

แบ่งเป็น

ชำระด้วยบัตรเครดิต ณ จุดขาย

จำนวน 50.67 ล้านรายการ

มูลค่า 187,664 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเครดิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 25.52 ล้านรายการ

มูลค่า 60,586 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิต ณ จุดขาย

จำนวน 9.75 ล้านรายการ

มูลค่า 35,775 ล้านบาท

 

ชำระด้วยบัตรเดบิตผ่านช่องทางออนไลน์

จำนวน 6.02 ล้านรายการ

มูลค่า 7,013 ล้านบาท

 

ถอนเงินสด        

จำนวน 2.37 ล้านรายการ

มูลค่า 26,012 ล้านบาท

 

เบิกเงินสดล่วงหน้า          

จำนวน 22.43 ล้านรายการ

มูลค่า 91,638 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายเงินในต่างประเทศ หรือผ่านร้านค้าออนไลน์ แพลตฟอร์มที่จดทะเบียนในต่างประเทศ เป็นหนึ่งในมูลค่าการใช้จ่ายส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีนักท่องเที่ยวอีกมากที่ใช้จ่ายด้วยเงินสดเพื่อคุมค่าใช้จ่ายเมื่อออกทริป หรือมองว่าสามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ (ยกเว้นบางประเทศที่เน้นรับเงินผ่านแพลตฟอร์มเงินอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น)

และหลังจากที่ธนาคารไทยเก็บเงินค่า DCC Fee แล้ว การใช้บัตรในต่างประเทศ หรือใช้กับร้านค้าแพลตฟอร์มจดทะเบียนในต่างประเทศจะลดลงหรือไม่ คงต้องดูกันต่อไป เพราะอย่างน้อยทำให้เราซื้อสินค้า หรือบริการต่าง ๆ แพงขึ้นจากเดิม ถ้าเราซื้อโดยจ่ายเป็นเงินบาทไทย

ซึ่งที่ผ่านมาการเก็บค่าธรรมเนียมนี้ธนาคารเป็นผู้ออกให้กับผู้ใช้บัตรมาเสมอ และเริ่มมองว่าเป็นต้นทุนที่สูงในแต่ละปี จนมีการให้ผู้ใช้จ่ายค่าบริการเหล่านี้ด้วยตัวเอง เพื่อลดภาระในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer