Life: ในชีวิตเราแต่ละวันมีเรื่องให้ทำให้ต้องจัดการ และแต่ละคนก็มีวิธีเคลียร์เรื่องเหล่านี้ต่างกันไป ทว่าบางคนกลับดูเหมือนหัวเสีย หัวร้อนอยู่เสมอ เพราะหลงคิดไปเองว่าต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จไว ๆ
นี่คืออาการยึดติดกับความรีบเร่งมากเกินไป หรือ Hurry Sickness ที่ถูกกล่าวถึงครั้งแรกผ่านหนังสือ Type A Behavior and Your Heart ของ Meyer Friedman และ Ray H. Rosenman เมื่อปี 1985

ลักษณะร่วมกันของคนที่เป็น Hurry Sickness คือ อารมณ์เสีย หรือกระวนกระวายจนสังเกตเห็นได้เมื่อต้องรอ ชอบทำงานหลาย ๆ อย่างไปพร้อม ๆ กัน เกลียดความล่าช้า รีบอยู่เสมอ ดูเหมือนงานล้นมือตลอด
มักลืมตัวพูดแทรกทะลุกลางปล้องระหว่างการสนทนา และเอาแต่ตีตนไปก่อนไข้ว่าจะทำงานไม่ทันเส้นตาย
ผลเสียต่อร่างกายของ Hurry Sickness คืออาการเครียดสะสม ปวดหัว และทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายเสื่อมจากความเจริญ

และการที่เราได้ทุกอย่างอย่างรวดเร็ว แค่เพียงไถนิ้วไม่กี่ทีผ่านแอปและโซเชียลมีเดีย ทำให้มีจำนวนคนที่เป็น Hurry Sickness มากขึ้น
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะ Marketeer มีเคล็ดลับทำให้ Hurry Sickness ลดลงไป
มองความช้ามุมใหม่: ในเมื่อเร่งรีบเกินไปจนได้รับผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ดังนั้นเคล็ดลับคลายพิษ Hurry Sickness ข้อแรก คือขั้วตรงข้ามอย่างทำอะไร ๆ ให้ช้าลงบ้าง
การลดสปีดชีวิต ไม่ได้ทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยเท่านั้น แต่ยังเป็นการตรึงสติให้อยู่กับปัจจุบัน และมีความสุขกับสิ่งดี ๆ ระหว่างทางอีกด้วย
ใช้การวางแผนและลำดับเวลา: ตามที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นว่า คนที่เป็น Hurry Sickness มักดูเหมือนวุ่น ๆ และทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน (Multitasking) อยู่ตลอด ถ้านาน ๆ ครั้งก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อทำจนติดเป็นนิสัยจึงส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ
นี่นำมาสู่เคล็ดลับข้อที่ 2 เพื่อลดปัญหาจาก Hurry Sickness นั่นคือ การวางแผนและลำดับความสำคัญของสิ่งต่าง ๆ โดยประโยชน์ที่ได้คือการได้เห็นกระบวนการทำงานคร่าว ๆ เปิดทางให้คนอื่นมาช่วยทำหรือกระจายงานบ้าง
และได้รู้ว่ามีบางงานก็อาจไม่ต้องรีบทำให้เสร็จจนเครียดแบบที่เป็นอยู่
วางกรอบให้ทุกคนรู้: ข้อต่อมาที่ช่วยลดผลกระทบจาก Hurry Sickness ได้เช่นกันคือการวางกรอบ เช่น บอกให้รู้ว่ากำลังทำงานอยู่จึงไม่ว่างคุย และไม่พร้อมรับงานเพิ่มหรือรู้จักปฏิเสธให้เป็น เพื่อให้ต้องกลับไป Multitasking อีก
การวางกรอบยังช่วยให้คุณได้มีสมาธิกับงาน และรักษามิตรภาพอีก เพราะจะลดการพูดแทรกเพราะรอให้คู่สนทนาพูดจบไม่ไหวที่เป็นนิสัยเสียของคนที่เป็น Hurry Sickness นั่นเอง
ดูแลตัวเองบ้าง: ข้อสุดท้ายที่ช่วยให้อาการ Hurry Sickness ลดลงได้คือ การหันมาดูแลมาฮีลตัวเอง เพราะเมื่อเป็น Hurry Sickness ย่อมส่งผลจนเกิดเป็นความเครียดสะสม
และฉุดให้กลไกบางอย่างในร่างกายเสื่อมถอย เช่น ขับถ่ายยาก และอาการเครียดลงกระเพาะ รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาโทรมกว่าวัย
การดูแลตัวเอง ยังทำให้คุณได้อยู่กับตัวเองด้วยจังหวะชีวิตที่ช้าลง (Slow Life) บ้าง และถ้าบ่อย ๆ เข้ายังช่วยทำให้คุณมีทักษะในการปรับจังหวะชีวิตให้ช้าหรือเร็วได้ตามสมควร อันจะดีต่อสุขภาพโดยรวมด้วย ♦/psychcentral
–
