เศรษฐกิจดิจิทัลของทั้งภูมิภาครวมถึงประเทศไทย ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตได้ดี มูลค่าเศรษฐกิจดิจิทัล 3.6 หมื่นล้านดอลลาร์  โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรียกรถผ่านแอปและฟู้ดเดลิเวอรี คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15% ภายในปี 2568

ปี 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของ แกร็บ ประเทศไทย สามารถทำกำไรได้เป็นปีที่สอง จากการเปิดตัวบริการใหม่ คุณวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย สรุปภาพรวมธุรกิจแกร็บ ประเทศไทย ในปีที่ผ่านมา  ธุรกิจหลักยังคงเป็นธุรกิจการเดินทาง เรียกรถและเดลิเวอรีฟู้ด ซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด สะท้อนจากไตรมาสหนึ่งที่เพอร์ฟอร์แมนซ์ค่อนข้างดี ตามด้วยธุรกิจโฆษณา มาเป็นอันดับสาม

  • ธุรกิจการเดินทาง เติบโตขึ้นมากภายหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ด้วยอานิสงส์ของการเปิดประเทศ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ส่งผลให้ปีที่ผ่านยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตถึง 139% และสถิติการเรียกรถไปส่งสนามบินเพิ่มขึ้น 2 เท่า ตลอดจนบริการเรียกรถแบบพรีเมียมในปีที่ผ่านมา ก็เติบโตสองเท่าด้วยเช่นกัน
  • ธุรกิจเดลิเวอรี GrabFood และ GrabMart ผลจากการวางกลยุทธ์มาตั้งแต่ปี 2020 ทำให้มูลค่าออเดอร์เติบโตขึ้น 17% ส่งผลให้ Value ต่อออเดอร์มีคุณภาพขึ้นมาก ลูกค้าที่มาใช้บริการมีคุณภาพสูงขึ้นด้วยเช่นกัน อานิสงส์จากการดึงแบรนด์ใหญ่เข้ามาเปิดร้านบน Grab ได้มากขึ้น ด้าน Grab ThumbsUp จำนวนพาร์ตเนอร์ร้านค้าอยู่ในหลักพันแห่ง ตั้งเป้าเติมร้านใหม่ ๆ เข้ามาเพิ่มเติมในทุกหัวเมือง และ Only at Grab ยังคงช่วยดึงดูดให้ร้านอาหารต่าง ๆ เข้ามาเปิดให้บริการบนแพลตฟอร์ม เนื่องจากบริการของ Grab ThumbsUp และ Only at Grab สามารถช่วยให้ร้านค้าถูกมองเห็นมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมายอดขายของร้านอาหารบนทั้งสองบริการเพิ่มสูงถึง 50-300%

ที่ผ่านมา แกร็บ ยังได้พัฒนาฟีเจอร์ใหม่เพื่อตอบสนองพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างบริการรับเองที่ร้าน (Pickup) บริการสั่งแบบกลุ่ม (Group Order) บริการนั่งรับประทานในร้าน (Dine-in) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

  • ธุรกิจสินเชื่อ ภาพรวมของ Digital Lending โดยเฉพาะกลุ่มไมโครเติบโต 31% ในปีที่ผ่านมาปล่อยสินเชื่อไปแล้วรวมกว่าแสนราย และเป็นวงเงินที่ปรับเพิ่มขึ้น 5,000-500,000 บาท พร้อมทั้งขยายสเกลให้กู้ยืมในกลุ่มพาร์ตเนอร์ร้านค้าเจ้าใหญ่
  • ธุรกิจโฆษณา ถือเป็นธุรกิจใหม่ที่ขึ้นมาเป็นเสาหลักของแกร็บ เป็นการต่อยอด Data ของผู้ใช้ที่บริษัทถืออยู่ ซึ่งช่วยให้การโฆษณาบนแพลตฟอร์มตรงกลุ่มเป้าหมาย สะท้อนจาก Click to rate ของแกร็บสูงกว่าเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น 5 เท่า

 

ปี 2567 แกร็บชูกลยุทธ์ 4A

  • Active User จับสามกลุ่มหลัก คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยการอัดส่วนลดแพ็กเกจ GrabUnlimited และลูกค้าคุณภาพที่ใช้บริการเป็นประจำ (Quality User) ผ่านการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อัดแพ็กเกจสมาชิกแบบรายปี
  • Affordability ผู้บริโภคไทยจำนวนไม่น้อยยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพ แต่ลูกค้าของแกร็บยังเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับราคาได้ไม่มาก แกร็บจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับแพ็กเกจที่ราคาเข้าถึงง่าย เพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้บริการ เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มใหม่มากขึ้น

ด้วยการชูจุดเด่นเรื่องความคุ้มค่า ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราคาเป็นหลัก โดยแกร็บได้เปิดให้บริการ “GrabCar SAVER” สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ขนาดเล็กในราคาประหยัด 15% ทดลองให้บริการใน 20 จังหวัด และบริการ “GrabBike SAVER” ในระยะทางไม่เกินสี่กิโลเมตร เริ่มต้น 26 บาท ตลอดจนซับแบรนด์ใหม่ “Hot Deals” นำเสนอส่วนลดออนทอปทุกช่วงเวลา

 

  • AI Technology พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ และแมชชีนเลิร์นนิ่งมากกว่า 1,000 โมเดล แพลตฟอร์มให้บริการมีคุณภาพ อาทิ การนำ AI และ ML มาใช้ปรับปรุงและพัฒนาระบบพิจารณาเครดิตสำหรับการปล่อยสินเชื่อกับพาร์ตเนอร์ หรือการพัฒนา GrabGPT เพื่อเป็นประโยชน์ในการทำคอนเทนต์ หรืองานออกแบบภายในองค์กร เป็นต้น
  • Ads & New Services เตรียมขยายบริการ GrabAds เพิ่มสัดส่วนรายได้ธุรกิจโฆษณา โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว สินค้าสุขภาพ-ความงาม และสินค้าอุปโภคบริโภค เตรียมดัน Self-serve ads เครื่องมือโฆษณาสำหรับพาร์ตเนอร์ร้านค้า เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก สามารถเพิ่มยอดขายจากการทำโฆษณา และแนะนำโปรโมชั่นได้ด้วยตนเอง โดยมีผลตอบแทนจากการโฆษณาเฉลี่ยสูงถึง 6 เท่า

 

New Service ปี 2567 นำเสนอ บริการจองการเดินทางล่วงหน้า (advance Booking) และ Dine-in และ GrabMart สั่งอาหารสด ได้พัฒนาเชื่อมต่อกับเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ ให้สามารถซื้อแบบชั่งน้ำหนักได้ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกสินค้าอีก 40 sku ที่มีในซูเปอร์มาร์เก็ต

ด้าน ESG  เดินหน้าสานต่อโครงการสำคัญต่าง ๆ โครงการ GrabEV เพื่อผลักดันการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ตเนอร์คนขับให้ได้ 10% ภายในปี 2569 โครงการ Carbon Offset ปลูกต้นไม้เพื่อชดเชยคาร์บอนจากการใช้บริการ เพื่อเป้าหมายในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าเติบโตในปี 2567 แบบดับเบิลดิจิต


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer