จากข้อมูลของ Nielsen พบว่า 90% ของครัวเรือนไทยมีทีวี และ 45% ของครัวเรือนที่มีทีวีทั้งหมด ใช้ Smart TV ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
จากการมีสัดส่วนสมาร์ททีวีจำนวนมาก จากข้อมูลของ Nielsen Cross Platform Rating พบว่า
ในไตรมาส 1/2567 คนไทยดูคอนเทนต์ผ่านทีวีแบบออฟไลน์ที่ 55% และแบบสตรีมมิ่ง 45%
โดยเรตติ้งของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ Nielsen วัดได้สูงสุดได้แก่
YouTube 16%
TikTok 7%
Facebook 6%
TrueID 5%
อื่น ๆ 11%

การเติบโตของการดูคอนเทนต์ผ่านสตรีมมิ่งในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เป็นเรตติ้งที่เพิ่มขึ้นจากปี 2566
ที่มีเรตติ้งผ่านทีวีออฟไลน์ 63% และเรตติ้งผ่านสตรีมมิ่ง 27% เป็นเรตติ้งที่ชมผ่าน
YouTube 14%
TikTok 7%
Facebook 6%
AISPLAY 2%
TrueID 2%
Netflix 1%
อื่น ๆ 3%
โดยในปีที่ผ่านมา ข้อมูลของ Nielsen พบว่า จำนวนคนดูทีวีเฉลี่ยต่อนาทีอยู่ที่ 10.468% จากผู้ชมอายุ 4 ปีขึ้นไป
และการชมทีวี คนที่มีอายุตั้งแต่ Gen X ขึ้นไปส่วนใหญ่จะเน้นดูคอนเทนต์ในรูปแบบ AVOD (Advertising Based Video on Demand) หรือผู้ให้บริการที่ไม่เรียกเก็บค่าบริการ เช่น เว็บไซต์/แอปของสถานีโทรทัศน์ หรือแพลตฟอร์มที่ดูฟรี
ส่วนกลุ่มคนที่มีอายุน้อยลง จะเน้นดูคอนเทนต์ในรูปแบบ SVOD (Subscription Video On Demand) หรือการดูคอนเทนต์แบบเสียเงินเพื่อแลกกับการไม่ดูโฆษณา
แต่ถ้ามองไปที่เม็ดเงินโฆษณาของไตรมาสแรกปี 2567 เติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยมูลค่ารวม 27,721 ล้านบาท เติบโต 6%
อ้างอิงจากข้อมูลของ Nielsen

การเติบโตนี้มาจากสื่อทีวีที่มีการเติบโต 2%
สื่อออนไลน์ เติบโต 19%
สื่อ Out of Home เติบโต 6%
สื่อ Cinema เติบโต 12%

และเมื่อมองไปที่ Category ที่มีการใช้งบโฆษณาสูงสุด ได้แก่
อุตสาหกรรมที่มีการใช้เงินมากที่สุดคือกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 4,476 ล้านบาท
รองลงมาได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย มูลค่า 3,544 ล้านบาท
ในขณะที่กลุ่มการท่องเที่ยวยังคงคึกคักและเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 46% มีมูลค่ากว่า 652 ล้านบาท

เมื่อมองไปที่แบรนด์ที่ใช้งบโฆษณาสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่
โฆษณา Vanish Oxi Action Stain Remover แวนิชท้าคราบหนัก! ใช้งบโฆษณา 136 ล้านบาท
Sting Energy Drink สติงค์ เอเนอร์จี้ดริ้งก์ อร่อยติ๊ดซ่า ใช้งบโฆษณา 109 ล้านบาท
ยาธาตุน้ำขาวกระต่ายบิน และเฮโมวิต-โกลด์ 86 ล้านบาท

สำหรับบริษัทที่ใช้งบโฆษณาสูงสุด 3 บริษัทแรก ได้แก่
ยูนิลิเวอร์ 1,059 ล้านบาท
เนสท์เล่ 605 ล้านบาท
พีแอนด์จี 434 ล้านบาท

–
