Work/ภาวะล็อกดาวน์ทั่วโลกเมื่อเกือบ 4 ปีก่อน เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงมหาศาลในแวดวงต่าง ๆ เช่น กระตุ้นการเติบของอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมชิป ไปจนถึงยอดการใช้สื่อสตรีมมิ่ง

ส่วนในโลกการทำงาน ภาวะล็อกดาวน์บีบให้คนวัยทำงานปรับตัวครั้งใหญ่ ต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work from Home จนเห็นทั้งประโยชน์และความสะดวกของการทำงานรูปแบบดังกล่าว

หลังหมดภาวะล็อกดาวน์ แม้ Work from Home ลดระดับจากทางรอดลงเป็นทางเลือก และพัฒนาสู่การทำงานรูปแบบอื่น ๆ เช่น การทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา หรือ Work from Anywhere

และทำงานจากที่บ้านสลับเข้าบริษัทโดยเน้นที่ความสะดวกเป็นหลัก หรือ Hybrid First แต่ Work from Home ก็ยังเป็นทางเลือกลำดับต้น ๆ ที่วัยทำงานและชาวออฟฟิศทั่วโลกเลือกว่าจะไปทำงานกับบริษัทไหน

จนบริษัทมากมายเปิดกว้างให้  Work from Home ทว่ายังมี 5 เรื่องควรระวัง เพราะบางบริษัทอาจใช้ Work from Home มาลวงให้คนเข้าทำไปงาน และผลที่ตามมาคือทำให้คนเก่งรุ่นต่าง ๆ ในโลกการทำงานยุคนี้ หลงเชื่อ เสียเวลา กำลังกายกำลังสมอง ไปอย่างน่าเสียดาย

ไม่ปะติดปะต่อ: เรื่องแรกที่ต้องสังเกตให้ดีหากบริษัทไหนใช้ Work from Home เป็นจุดขายคือ การสื่อสาร โดยหากการสื่อสาร และพูดคุยกันระหว่างพนักงานราบรื่นก็อุ่นใจได้เลยว่า Work from Home ก็จะไปได้สวย

แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม การสื่อสารติดขัดหรือเงียบหายนาน ๆ ไปจนถึงขั้นไร้การตรวจสอบ ก็ให้หันหลังให้บริษัทนี้ไป เพราะหากได้บรรจุเข้าทำงานการสื่อสารทุกอย่างก็คงล้มเหลวไปด้วย จนงานก็ไม่เดินหน้า และการติดต่อเรื่องต่าง ๆ จะยากไปหมด

ขออะไรไปอิดออด:  สัญญาณอันตรายต่อมา ที่ถ้าพบในบริษัทไหนให้เตรียมถอยออกมาคือ ไม่ตอบรับกับการขอความช่วยเหลือต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์การทำงาน ผ่านข้ออ้างว่า ถ้ามีของคุณอยู่แล้วก็ใช้ไปก่อนได้

หรือขอดูก่อนว่ามีไหม เพราะนี่เป็นสัญญาณเตือนว่า พนักงานจะถูกปล่อยให้แก้ไขสถานการณ์เอง และโดนบีบให้รับผิดชอบต่อความผิดใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น 

ไร้พี่เลี้ยงพนักงานใหม่: อีกเรื่องที่ต้องสังเกตก่อนการตัดสินใจทำงานกับบริษัทที่ชู Work from Home เป็นจุดแข็ง-จุดขายคือ มีพี่เลี้ยงช่วยดูแลพนักงานใหม่หรือไม่

จริงอยู่ที่โลกการทำงานคือโลกของผู้ใหญ่ที่ต้องดูแลรับผิดชอบตัวเอง แต่ในเมื่อเป็นพนักงานใหม่ก็ต้องมีคนคอยแนะนำข้อปฏิบัติต่าง ๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัททั่วไป โดยถ้าไม่มีคนที่ดูแลตรงนี้ คุณก็ไม่ควรไปทำงานกับบริษัทนี้

แผนต่อรองน่าสงสัย: มาถึงสัญญาณอันตรายข้อที่ 4 ก่อนตัดสินใจไป Work from Home กับบริษัทไหน นั่นคือการต่อรอง โดยถ้ามีเงื่อนไขน่าสงสัยผุดมาบ่อย ๆ

เช่น ลองเข้ามานั่งทำงานในบริษัทบ้าง หรือ ถ้าเข้ามาทำงานในบริษัทเพิ่มขึ้นเงินเดือนจะเพิ่ม ก็ให้ตั้งธงไปเลยว่าบริษัทนี้ไม่น่าไปทำงานด้วย

เพราะ Work from Home ควรเป็นสิ่งที่พนักงานเลือกได้เองตามสะดวก การเข้าบริษัทควรเป็นสิ่งที่ตกลงร่วมกันของทั้งพนักงานและบริษัทตั้งแต่แรก

ขณะเดียวกันก็ไม่ควรนำมาใช้เป็นข้ออ้างหรือข้อต่อรอง ลวงให้พนักงานหลงกล และถ้าพนักงานหลวมตัวยอมรับเงื่อนไขน่าสงสัย ผลเสียก็ฉุดให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง จนที่สุดจบกันแบบไม่สวย ต้องลาออกไป 

มีบอสเปิดโหมดเฮลิคอปเตอร์: สัญญาณอันตรายสุดท้ายก่อนตัดสินใจทำงานแบบ Work from Home กับบริษัทไหน อาจต้องใช้ความพยายามในการสืบเสาะหาข้อมูลสักหน่อย

นั่นคือการสังเกตว่า บรรดาหัวหน้าระดับต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่หัวหน้าแผนกไปถึงซีอีโอ ชอบเฝ้าติดตามพนักงานผ่านช่องทางต่าง ๆ ว่าอยู่ที่โต๊ะทำงานในบ้านหรือไม่ มากจนเกินไปไม่ต่างจากเฮลิคอปเตอร์ หรือที่เรียกว่า Helicopter Boss หรือไม่

ถ้าทราบข้อมูลว่าบริษัทไหนมี Helicopter Boss ก็ไม่ควรไปทำงานด้วย เพราะคุณจะทำงานอย่างหวาดระแรง และรู้สึกเหมือนโดนจ้องจับผิดตลอดเวลา จนพานให้ชีวิตการทำงานแบบ Work from Home ที่ควรยืดหยุ่นกลายเป็นไม่มีความสุข/fastcompany

 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer