Trend/ย้อนไปช่วงปี 2010 ขณะที่ตลาดอุปกรณ์สื่อสารเปลี่ยนสู่ยุคสมาร์ตโฟน ที่แบบรุ่นหน้าสัมผัสมี iPhone เป็นผู้นำ และแบบปุ่มพิมพ์ข้อความซึ่งมี Blackberry เป็นเบอร์ต้น ๆ การติดสมาร์ตโฟนเป็นปัญหาที่ยังไม่น่ากังวลมากนัก

แต่หลังสมาร์ตโฟนรุุ่นใหม่ ๆ พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางเครือข่ายโทรนาคมที่ทั่วถึง จนพูดได้เต็มปากว่า ชีวิตคนยุคปัจจุบันก็พึ่งพาอุปกรณ์สื่อสารประเภทนี้อย่างมาก

ตั้งแต่การสื่อสาร รับข้อมูลข่าวสาร และดูหนัง-ฟังเพลง ไปจนถึงทำธุรกรรมการเงินและติดต่อราชการ

นี่จึงทำให้เราทุกคนล้วนติดสมาร์ตโฟน หรือเรียกตามสำนวนไทยว่า ติดมือถือกันโดยไม่รู้ตัว และกำลังทำให้เกิดภัยเงียบที่ส่งผลต่อสุขภาพ

ภัยเงียบดังกล่าว คือ การปวดเมื่อยที่คอเมื่อก้มมองหน้าจอสมาร์ตโฟน พร้อมพิมพ์ข้อความต่าง ๆ ทั้งเพื่อหาข้อมูล ติดต่อสื่อสาร และใช้งานในเรื่องต่าง ๆ ในแต่ละวันมากจนเกินไป หรือ Text Neck Syndrome

ตามข้อมูลของบริษัทสำรวจ Gallup ในสหรัฐฯ ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างที่ยอมรับว่าตนใช้สมาร์ตโฟน มากไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

จาก 39% ของกลุ่มตัวอย่างเมื่อปี 2018 พอถึงปี 2022 เพิ่มเป็น 58% โดย ในจำนวนนี้ 84% เป็นกลุ่มที่อายุ 20 ปี หรือ Gen Z และกลุ่มที่ยอมรับว่าใช้สมาร์ตโฟนมากไปนี้ส่วนใหญ่ต่างบ่นว่ามีอาการ Text Neck Syndrome

สอดคล้องกับรายงานจากโรงพยาบาลในสหรัฐฯ ที่ว่า ช่วงไม่กี่ปีมานี้มีผู้มาปรึกษาแพทย์เพราะปวดตึงที่ต้นคอโดยไม่ทราบสาเหตุเพิ่มขึ้น

ซึ่งเมื่อพูดคุยและสอบถามพฤติกรรมในการใช้ชีวิตก็พบว่า มาจากการใช้สมาร์ตโฟน มากไป หรืออาการ Text Neck Syndrome นั่นเอง

The Guardian สำนักข่าวเก่าแก่ของอังกฤษที่นำเรื่องนี้มาตีแผ่ รายงานว่า มีบางคนที่เป็น Text Neck ขั้นรุนแรง เช่น วัยรุ่นหญิงในสหรัฐฯ เข้าโรงพยาบาล เพราะอยากทราบว่า อาการปวดคอ ตากระตุก และวิงเวียนศีรษะเรื้อรัง เกิดจากอะไร

โดยแพทย์วินิจฉัยว่า เธอเป็น Text Neck แต่มีเรื่องน่าตกใจกว่านั้น เพราะเมื่อไปเข้าอุโมงค์เอกซเรย์ด้วยสนามแม่เหล็ก หรือ MRI พบว่า คอของเธอเอียงไปข้างหน้าอย่างชัดเจน

The Guardian รายงานต่อด้วยการอิงทัศนะจากแพทย์ว่า คอมีหน้าที่รองรับศีรษะให้อยู่ได้อย่างสมดุล แต่ศีรษะก็มีน้ำหนักเท่า ๆ กับ ลูกโบว์ลิ่ง เมื่อเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งนาน ๆ จึงเป็นการผิดธรรมชาติ ทำเกิดการเมื่อปวดตึงขึ้น

ส่วนทางป้องกันหรือบรรเทาอาการ Text Neck Syndrome แพทย์ระบุว่า ในเมื่อไม่สามารถหยุดหรือเลิกใช้สมาร์ตโฟนได้ เพราะกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นต่อการดำรงชีวิตไปแล้ว ก็ควรลดการใช้ในแต่ละวันลงบ้าง

และเมื่อใช้ไปได้สักพักก็ควรยกให้มาอยู่ในระดับสายตาเพื่อให้คอกับหัวกลับมาอยู่ตำแหน่งปกติ เพื่อไม่จมอยู่ในท่าเอียงไปด้านหน้านานเกินไป

พร้อมกันนี้ก็ควรตระหนักว่า แม้ไม่รุนแรงหรือกลายเป็นข่าวใหญ่เหมือนปัญหาที่เกิดจากการติดสมาร์ตโฟนมากเกินไปแบบอื่น ๆ

เช่น ถูกรถชน หรือตกหลุุมบ่อ จนเสียชีวิต แต่ก็ไม่ควรมองข้าม Text Neck Syndrome เพราะเป็นปัญหาที่จะส่งต่อสุขภาพในระยะยาว

สำหรับสัญญาณเตือน Text Neck Syndrome ให้สังเกตตัวเองว่า มี 3 อาการหลักต่อไปนี้หรือไม่ เริ่มจาก ปวดตั้งแต่หลัง ไล่ขึ้นไปที่ บ่า ไหล่ คอ และท้ายทอย

ถัดมาคือการเจ็บแปลบทุกครั้งเมื่อขยับคอ และสุดท้ายคือการปวดหัวเรื้อรัง/thegaurdian ,backandneckcentern


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer