Work/นอกจากบทบาทของเอไอที่เพิ่มขึ้น และเทรนด์การทำงานแบบผสมผสาน สลับระหว่างที่บ้านกับเข้าบริษัท (Hybrid First) แล้ว ยังมีความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่ทำให้โลกการทำงานยุคนี้ต่างจากอดีต

นั่นคือมีคนมากถึง 4 รุ่นที่ทำงานอยู่ร่วมบริษัทเดียวกัน โดยปลายด้านหนึ่งคือ Babyboom ที่อายุระหว่าง 60 ถึง 78 ปี และอีกด้านคือ Gen Z ที่อายุ 12 ถึง 27 ปี
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาช่องว่างระหว่างวัยขึ้น ทว่าหากมองอีกด้านก็สามารถพลิกความหลากหลายของคนต่างรุ่นให้เป็นพลังได้เช่นกัน
รุ่นใหม่-รุ่นใหญ่พร้อมใจเปลี่ยนเลนส์: สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเพื่อให้การบริหารจัดการคนต่างรุ่นในแผนกหรือทั้งบริษัทราบรื่น คือ ปรับทัศนคติให้พนักงานแต่ละคนลดอคติหรือเหยียดรุ่นเหยียดวัย (Ageism)
เพราะนี่คือกำแพงปิดกั้นความเข้าใจกันและกันของคนต่างรุ่น เช่น Babyboom มักมองว่า Gen Z ขาดประสบการณ์ และในทางตรงกันข้าม Gen Z ก็มักเหมารวมไปว่า Babyboom ตกยุคและไม่ทันโลก

ในความเป็นจริงคนรุ่นหนึ่งอาจไม่เป็นไปตามสิ่งที่ถูกเหมารวม เช่น Babyboom ที่โปรเทคโนโลยีก็มี และ Gen Z ที่ชื่นชอบเรื่องในอดีตหรือมีประสบการณ์ก็มีเช่นกัน
เน้นจุดร่วมสงวนจุดต่าง: สิ่งต่อมาที่ต้องทำเพื่อพลิกความหลากหลายของคนต่างรุ่นให้เป็นพลังคือ หาจุดร่วมที่คนต่างรุ่นคิดเห็นตรงกัน โดยอาจเป็นเพียงเรื่องเบา ๆ อย่าง เพลงและหนังที่ชอบ
ไปจนเป้าหมายด้านอาชีพหรือการทำงาน ส่วนถ้าพบความแตกต่างก็ให้ถือว่าเป็นโอกาสให้ได้รู้จักกันดีขึ้น รู้ว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จุดอ่อน-จุดแข็งอยู่ตรงไหนและอะไรที่เป็นประเด็นอ่อนไหว ไม่ควรไปแตะต้อง เพื่อลดหรือเลี่ยงปัญหาในการทำงาน

ลดระยะห่างด้วยสูตรสลับขั้ว: อีกเรื่องที่ควรทำเพื่อสร้างบริษัทน่าอยู่น่าทำงานให้สอดคล้องกับความหลากหลายของยุคนี้ ซึ่งบางบริษัทได้เดินหน้าทำไปแล้ว คือ การให้คนต่างรุ่นสลับขั้วมาสอนสิ่งที่ตนถนัด (Reverse Mentorship)
เช่น Gen Z กับ Gen Y สอนเรื่องเทคโนโลยีหรืออัปเดตค่านิยมยุคใหม่ให้ Gen X กับ Babyboom ขณะที่สองกลุ่มหลังก็อาจเล่าปัญหาในโลกการทำงานที่ต้องเจอเมื่อทำงานสูง ๆ ขึ้นไป

พร้อมวิธีรับมือจากประสบการณ์ตรงที่ตนเจอกันมา Reverse Mentorship ยังรวมถึงการยื่นมือช่วยเหลือคนต่างรุ่น
ทั้งที่เมื่อได้รับการร้องขอหรือเมื่อสังเกตเห็นว่ากำลังต้องการความช่วยเหลือด้วย ซึ่งจะเป็นการสร้างมิตรภาพ กระชับความสัมพันธ์ในองค์กรให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานอีกด้วย
จับมือทำเรื่องสนุกกันบ้าง: มาถึงเรื่องสุดท้ายที่ควรทำเพื่อให้คนต่างรุ่นได้กระชับความสัมพันธ์กันในองค์กรและลดช่องว่างระหว่างวัย คือ กิจกรรมต่าง ๆ นอกเหนือจากเรื่องงาน
เช่น งานเลี้ยงสังสรรค์ จัดทริปไปเที่ยวแบบยกออฟฟิศ รวมไปถึงกีฬาภายในกรณีที่เป็นบริษัทใหญ่ โดยกิจกรรมเหล่านี้เปิดโอกาสให้คนต่างรุ่นได้พูดได้คุยและทำเรื่องอื่น ๆ อย่างผ่อนคลายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องงาน

ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักมีเสียงหัวเราะแทรกอยู่ด้วย โดยนี่คือกิจกรรมละลายพฤติกรรมและเครื่องมือทลายกำแพงใจชั้นดี อันจะเปิดทางสู่อีกหลายอย่างดี ๆ ในบริษัทที่จะตามมา /fastcompany
–
