Trend/เพราะมีประชากรมากเป็นลำดับต้น ๆ ของโลก และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองแค่เพียงสหรัฐฯ จีนจึงเป็นตลาดใหญ่ที่แบรนด์สินค้าแทบทุกประเภทจากทั่วโลกอยากเจาะให้ได้

แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องใช้หลายอย่าง ทั้งแผนธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาดมาประกอบกัน และอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลย คือต้องมัดใจฝ่ายปกครองหรือรัฐบาลจีนให้ได้

หนึ่งในแบรนด์ต่างชาติที่ทำเรื่องนี้สำเร็จแล้วคือ Tesla โดยหลักฐานล่าสุดคือ ฝ่ายปกครองของมณฑลเจียงซูอนุญาตให้หน่วยงานในความดูแลสามารถซื้อมาใช้ในราชการได้

นี่ทำให้ Tesla เป็นแบรนด์ต่างชาติเพียงแบรนด์เดียวที่ได้ไฟเขียว เพราะแม้ Volvo ที่เป็นแบรนด์สวีเดนแต่ก็ถือเป็นแบรนด์ลูกของ Geely ของจีนหลังการซื้อกิจการ ในปี 2010

ข่าวดังกล่าวกลายเป็นไวรัลในสื่อโซเชียลจีนเมื่อ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังสื่อด้านเศรษฐกิจของทางการจีนอย่าง paper.cn กับ National Business Daily นำมารายงาน

เพื่อลดความร้อนแรงและกระแสวิจารณ์ต่าง ๆ ฝ่ายปกครองมณฑลเจียงซูได้ออกแถลงว่าที่ไฟเขียวให้หน่วยงานในความดูแลซื้อมาใช้งานได้เพราะ Tesla ถือเป็นรถที่ผลิตในประเทศ ไม่ใช่รถนำเข้ามาจากต่างประเทศ

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวย้ำถึงความสำเร็จของ Tesla ในตลาดจีน ต่อเนื่องจากการมาตั้งโรงงานในจีนภายใต้ชื่อ Giga Factory Shanghai ที่นครเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งเริ่มประเดิมสายการผลิตในปีต่อมา                                                 

จากนั้นก็เริ่มมี Tesla ที่ผลิตในจีน (Made in China) ปรากฏให้เห็นกันตามท้องถนนในจีน ท่ามกลางรถอีวีแบรนด์จีนมากมายที่ทยอยออกสู่ตลาดตามมา

ช่วงแรก ๆ Tesla คือรถอีวีที่ขายดีสุดในจีน แต่หลังจากนั้นแบรนด์จีนโดยเฉพาะ BYD ก็เร่งเครื่องจนแซงขึ้นไปยืนหนึ่งในตลาดโลกได้เป็นครั้งคราว และยังคงชิงตำแหน่งที่ 1 และ 2 กับ Tesla ในจีนอยู่ตลอด

มาปี 2021 รัฐบาลจีนสั่งห้ามไม่ให้หน่วยงานราชการทั้งหมดซื้อรถ Tesla มาใช้เพราะกลัวว่าจะมีเทคโนโลยีสอดแนมจากสหรัฐฯ แฝงอยู่ในระบบหรือตัวเครื่อง

Tesla แก้เกมด้วยการยอมให้ตรวจสอบ และตั้งศูนย์ข้อมูลในจีน พร้อมกันนี้ยังร่วมมือกับค่ายเทคโนโลยีจีนอย่าง Baidu พัฒนาระบบแผนที่และการนำทางในการขับขี่สำหรับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติใช้ในจีนอีกด้วย

และทุกครั้งที่เกิดปัญหาในจีน อีลอน มัสก์ ซีอีโอคนดังของ Tesla ก็จะเดินทางมาจีนด้วยตัวเอง โดยปี 2024 เขาเดินทางมาจีนแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดคือเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งเขาได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง อีกด้วย

อีลอน มัสก์ กับ นายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน 

นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวในการเข้าพบครั้งหลังว่า Tesla คือตัวอย่างความสำเร็จของการร่วมมือระหว่างจีนกับสหรัฐฯ โดยนี่คือสัญญาณถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง Tesla กับรัฐบาลจีน

นำมาสู่การปลด Tesla ออกจากบัญชีดำ จนเจียงซูเป็นมณฑลแรกที่ไฟเขียวให้ซื้อรถ Tesla รุ่น Y ซึ่งราคาคันละ 249,000  หยวน (ราว 1.2 ล้านบาท) มาใช้ในราชการได้ตามข่าว

ความสำคัญของการที่ Tesla ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อรถที่หน่วยงานรัฐจีนสามารถซื้อได้ คือ เพิ่มความไว้วางใจต่อแบรนด์ในหน่วยงานรัฐจีน เพิ่มการรับรู้แบรนด์ และเป็นการโฆษณาแบรนด์ในหมู่ผู้บริโภคชาวจีนไปในตัว

นอกจากนี้ ยังจะช่วยกระตุ้นยอดขายให้ Tesla ในตลาดจีน ซึ่งคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของยอดขายทั่วโลก ในยุคที่ Tesla ถูกรถอีวีแบรนด์จีนล้อมกรอบ ทั้งในตลาดจีนและตลาดโลก

ประโยชน์อีกข้อจากการที่โรงงาน Tesla ในจีนไม่สะดุด และสายสัมพันธ์กับรัฐบาลจีนที่แน่นแฟ้น คือ การส่งออกรถ Tesla ไปยังประเทศอื่น ๆ ในเอเชียจะราบรื่นต่อไป

สวนทางกับการส่งออกไปยุโรปที่คงทำได้ยากขึ้น เพราะสหภาพยุโรป (EU) ขึ้นภาษีกับรถอีวีจีน 37% ซึ่งรถ Tesla จากโรงงาน Giga Factory Shanghai ก็ได้รับผลกระทบไปเต็ม ๆ

ท่ามกลางสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศตะวันตก รวมถึงพันธมิตรที่เริ่มดุเดือด/cnn


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer