ในปีที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีที่ตลาดพรินเตอร์เผชิญความท้าทายจากมูลค่าตลาดที่เติบโตเพียง 0.4% และติดลบ 2.0% ในส่วนของจำนวนเครื่อง
ความท้าทายของตลาดพรินเตอร์นี้มาจากการลดลงอย่างเห็นได้ชัดของตลาดซิงเกิลพรินเตอร์ ที่มีการลดลงด้านมูลค่า 12.0% เหลือเพียง 569.8 ล้านบาท และติดลบ 25.7% ในเชิงปริมาณ เหลือจำนวน 161,000 เครื่อง
บนการเติบโตที่ลดลงของซิงเกิลพรินเตอร์ยังมีการเติบโตของตลาดมัลติฟังก์ชันพรินเตอร์ที่มีมูลค่า 2,211 ล้านบาท เติบโต 6.7% ผ่านยอดจำหน่าย 505,000 เครื่อง เติบโต 11.4%
ส่วนตลาดโปรเจกเตอร์เป็นตลาดที่เติบโต จากการนำโปรเจกเตอร์ทำ Mapping ตามสถานที่ต่าง ๆ มากขึ้น
แม้ตลาดพรินเตอร์มีความท้าทาย แต่ในปีที่ผ่านมา เอปสัน ประเทศไทย กลับเติบโต 5% จากการรุกตลาดผ่านกลยุทธ์รักษาผู้นำตลาดในกลุ่มธุรกิจที่เป็นคอร์หลักอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
เครื่องพิมพ์ เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งก์ หรือ EcoTank มีส่วนแบ่งตลาด 43%
เครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ในกลุ่ม Photo Proof ส่วนแบ่งตลาด 32%
เครื่องพิมพ์ป้าย ส่วนแบ่งตลาด 30%
เครื่องพิมพ์สิ่งทอ ส่วนแบ่งตลาด 30%
เครื่องพิมพ์ Dot Matrix ส่วนแบ่งตลาด 99%
ตลาดโปรเจกเตอร์ ส่วนแบ่งตลาด 52%

ส่วนปี 2568 ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด มีความต้องการสร้างการเติบโตให้กับเอปสัน 6% เป็นการเติบโตบนตลาดพรินเตอร์ที่ยังทรงตัว
สิ่งที่ทำให้เอปสันสามารถเติบโต 6% มาจากกลยุทธ์ 4 ประการ ประกอบด้วย
1. Innovation Offering
ปกป้องตลาดที่เอปสันเป็นผู้นำอยู่ พร้อมกับมุ่งสร้าง S-Curve ใหม่ของผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง บนภาพลักษณ์ผู้บริโภคที่มองเอปสันคือคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ผ่านกลวิธีที่เรียกว่า S-E-E-D ประกอบด้วย
– Secure รักษาคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และคุณค่าของผลิตภัณฑ์
– Ensure รักษาระดับราคาทั้งของตัวผลิตภัณฑ์และหมึกพิมพ์ให้สามารถทำตลาดได้ในราคาที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่ให้ความสำคัญกับราคา จากคู่แข่งที่เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
– Expand ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ โอกาสทางธุรกิจ และโซลูชันใหม่ ๆ
– Defend คือการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด รับมือกับการแข่งขัน และใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอย่างมั่นคง ป้องกัน การเข้ามาของคู่แข่ง และการเปลี่ยนแปลงของตลาด
2. Agility in Channel
เอปสันจะมุ่งพัฒนาช่องทางการขาย เพื่อรองรับทั้งตลาด B2C และ B2B
โดยในตลาด B2C เน้นการสร้างความแข็งเกร่งให้กับร้านค้าคู่ค้า เพิ่มสัดส่วนสินค้าในหน้าร้าน และเข้าถึงลูกหัวเมืองรอง พร้อมขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มหลัก และแพลตฟอร์มของพันธมิตร

ส่วน B2B เป็นตลาดที่ให้ความสำคัญในฐานะตลาดที่มีการเติบโตมากถึง 2 หลักในทุก ๆ ปี จากความต้องการที่มีอย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
ในตลาด B2B เอปสันให้ความสำคัญกับการยกระดับความสัมพันธ์กับผู้ค้ารายใหญ่ พร้อมเพิ่มโซลูชันด้าน MPS หรือโซลูชันในการจัดการดูแลเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารอย่างครบวงจร และการขายโซลูชันแบบรวมเครื่องพิมพ์หลากรุ่น (Mix Fleet Solution) ไปจนถึงการพัฒนาการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้ใช้งานในภาคการศึกษา การแพทย์ การผลิต และหน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ เอปสันยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้า (Value Proposition) ในด้านความคุ้มค่า คุณภาพ ความทนทาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ผ่านการทำการตลาดคอนเทนต์และกับ KOL
3. Enhanced Customer Service
พัฒนาศักยภาพการให้บริการด้วยระบบสนับสนุนที่ทันสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มีแนวคิดซื้อสินค้าเพื่อใช้งานระยะยาวมากขึ้น ได้แก่
– นำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาให้บริการสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้า เช่น การช่วยติดตามและตรวจสอบการทำงานของทีมขายและฝ่ายบริการลูกค้าแบบเรียลไทม์ภายใต้ระบบเดียว นำระบบ Live Video Support and Remote Diagnostics ให้บริการสนับสนุนและตรวจสอบปัญหาจากระยะไกลผ่านวิดีโอแบบเรียลไทม์
พร้อมแนวทางนำ AI-driven Chatbots ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเพื่อการบริการอัตโนมัติแบบ 24 ชั่วโมง
และสร้างองค์ความรู้ในการใช้งานให้กับลูกค้ากลุ่มเล็ก ที่มีความต้องการแตกต่างกันผ่านหลักสูตรอบรม Customizable Training Course
– ให้บริการลูกค้าในรูปแบบ On-site Service ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านศูนย์บริการ 174 แห่งในทุกภูมิภาค
– ขยายประกัน ผ่านโปรแกรม Coverplus Sales ที่นำเสนอประกันเพื่อขยายเวลาของตัวเครื่อง (Extended Main Unit Warranty) จากผู้บริโภคมีการเรียนรู้ และต้องการใช้สินค้าระยะยาวขึ้น และขยายระยะเวลาการจัดหาอะไหล่ให้กับลูกค้า B2B จากเดิม 5 ปี เป็น 7 ปี เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าจะได้รับบริการที่มีคุณภาพ แม้สินค้าจะสิ้นสุดระยะเวลาการรับประกันแล้ว (O/W Repair)
4. สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ หรือ Value Creation
ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำด้าน ESG (Environment, Social, Governance) และความยั่งยืน ผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ทำอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการตลาดของเอปสันที่เข้ามาตอบโจทย์กลยุทธ์ทางธุรกิจผ่าน 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่
1. รักษาความเป็นผู้นำเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งก์ ด้วยส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 45% ผ่านแนวทางการตลาด ได้แก่
– รักษาฐานตลาดกลุ่มเครื่องรุ่น Entry ควบคู่กับการเร่งขยายตลาด Mid-High ด้วยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งก์ EcoTank รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานระดับมืออาชีพได้ลงตัวยิ่งขึ้น พร้อมกระตุ้นการรับรู้และยอดจำหน่ายผ่านแคมเปญ “From Imagination to Reality” เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภคในเรื่องคุณภาพที่ได้รับจากแบรนด์เอปสัน โดยจะใช้กับการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียและอินฟลูเอนเซอร์บนแพลตฟอร์ม Facebook TikTok และ YouTube
– ยังคงให้ความสำคัญผลักดันเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งก์มัลติฟังก์ชันทั้งสีและขาวดำ เข้ามารุกตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ผ่านการให้ความรู้อย่างต่อเนื่องถึงความคุ้มค่าที่เหนือกว่า ความประหยัด และความยั่งยืน จากจุดเด่นของอิงค์เจ็ทที่ทำลายสิ่งแวดล้อมที่น้อยกว่า
พร้อมสร้างตลาดสร้างการรับรู้ผ่านจุดแสดงและทดสอบการพิมพ์ สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าในการใช้งาน และสร้างยอดจำหน่ายผ่านการนำเสนอสินค้าหลากหลายรุ่น ที่จำหน่ายบนร้านค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเข้าร่วมงาน Tech Expo และ Trade Show เพื่อเพิ่มโอกาสในการมองเห็นและการขายสินค้า
– นำแคมเปญ “Go Live Genuine Hologram” ผลักดันให้เกิดการใช้หมึกแท้ของเอปสันอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาประสิทธิภาพและอายุการทำงาน
2. ตั้งเป้าการเติบโตในกลุ่มธุรกิจ B2B ไว้ที่ 20% ผ่านการผลักดันในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย
– เร่งขยายพันธมิตรทางธุรกิจ ด้วยโปรแกรม E2E (End-to-End) ที่เน้นการดูแลลูกค้าเก่า ผ่านบริการตรวจเช็กฟรี เสนอโปรแกรมอัปเกรดหรือเทรดอิน
– การสมัครสมาชิก เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
– การนำเสนอโซลูชันที่ผสมผสานพรินเตอร์หลากรุ่นที่แตกต่างกัน (Mixed Fleet) เพื่อช่วยลดต้นทุนโดยรวม เสริมประสิทธิภาพด้วยซอฟต์แวร์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน และส่งเสริมความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
3. ให้ความสำคัญกับธุรกิจพรินเตอร์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digitalization) ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ ด้วยเทคโนโลยีอิงค์เจ็ท ที่เน้นคุณภาพ ประสิทธิภาพ และการใช้งานที่ง่ายขึ้น พร้อมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการเร่งขยายการเติบโตในกลุ่มเครื่องพิมพ์ป้ายโฆษณา การพัฒนาและขยายโซลูชันสินค้าให้ครอบคลุมทุกความต้องการ และการสร้างนวัตกรรมใหม่ในธุรกิจการพิมพ์ผ้า
4. กลุ่มโปรเจกเตอร์ ตั้งเป้าที่จะรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดการศึกษา ด้วยการเสริมสร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นในแบรนด์ผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การจัดอบรม สัมมนา และเวิร์กช็อป พร้อมเปิดตัวโปรเจกเตอร์รุ่นใหม่ในกลุ่มสมาร์ทซีรีส์และเครื่องระดับกลาง ทั้งยังจะไฮไลท์จุดเด่นของโปรเจกเตอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานด้านการศึกษามากกว่าจอแสดงผลทั้งแบบธรรมดาและอินเตอร์แอคทีฟ (Flat/Interactive Flat Panel Display) พร้อมจัดแสดงโซลูชันการประชุมแบบไฮบริด และสุดท้ายคือการโฟกัสกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการพิเศษ โดยจะร่วมกับพาร์ตเนอร์ในการพัฒนาโซลูชันที่ครบวงจรเพื่อนำเสนอ พร้อมเจาะตลาดองค์กรและโรงเรียนเอกชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและขยายโอกาสทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี เอปสันยังตั้งเป้าที่จะขยายตลาดโปรเจกเตอร์ความสว่างสูงในกลุ่มลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจาก 43% เป็น 50% ภายในปีนี้ โดยจะมีการเปิดตัวแพ็กเกจเช่าโปรเจกเตอร์ความสว่างสูง เพื่อรองรับความต้องการของตลาด การนำเสนอข้อมูลเปรียบเทียบจุดเด่นของโปรเจกเตอร์กับจอแอลอีดีผ่านการอบรม เวิร์กช็อป และโซเชียลมีเดีย รวมถึงการสื่อสารผ่านแคมเปญ “See Ultra” เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าใจและเห็นภาพความแตกต่างระหว่างสองเทคโนโลยีได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งยังจะดำเนินการต่อเนื่องในการเสริมสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ต่อสาธารณะ ผ่านกิจกรรม Mapping ในอีเวนต์ที่สาธารณะ เพื่อเพิ่มการรับรู้และตอกย้ำความเชื่อมั่นในแบรนด์
ในส่วนโฮมโปรเจกเตอร์ วางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำตลาดภายใน 2 ปี ผ่านแคมเปญสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ “See Ultra – Go beyond the TV” ร่วมกับ KOL และการนำเสนอจุดแข็งของโปรเจกเตอร์ เช่น ความสว่างและความคมชัดระดับ Real 4K ผ่านทั้งแคมเปญการตลาดดิจิทัลและทัชพอยต์ออฟไลน์ ทั้งยังร่วมมือกับคู่ค้าในการจัดตั้งบูธแสดงประสิทธิภาพการฉายภาพของเลเซอร์โฮมโปรเจกเตอร์ และปรับปรุงสื่อส่งเสริมการขาย ณ จุดขายภายในร้านค้าปลีก เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อที่น่าประทับใจสำหรับผู้บริโภค
นอกจากนี้ เอปสันยังเตรียมเปิดตัวโปรเจกเตอร์สำหรับใช้ร่วมกับเครื่อง Golf Simulation โดยร่วมมือกับ 3 ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์กอล์ฟซิมูเลชันชั้นนำ พร้อมจับมือกับพันธมิตรกอล์ฟในการส่งเสริมการขาย และขยายความร่วมมือกับซอฟต์แวร์กอล์ฟ สนามกอล์ฟ โรงเรียนกอล์ฟ และสถาบันกอล์ฟ ผ่านกิจกรรมร่วมต่างๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ครบถ้วน ทั้งยังวางแผนเพิ่มการรับรู้ ด้วยการจัดแสดงสินค้าในงานนิทรรศการและอีเวนต์กอล์ฟ เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และการรับรู้ของโปรเจกเตอร์เอปสันในกลุ่มตลาดนี้
สำหรับผลประกอบการของเอปสัน (ประเทศไทย) จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่ามีรายได้ที่เติบโตดังนี้
2565 รายได้รวม 3,155.56 ล้านบาท กำไร 49.75 ล้านบาท
2566 รายได้รวม 3,481.12 ล้านบาท กำไร 73.43 ล้านบาท
2567 รายได้รวม 3,609.65 ล้านบาท กำไร 68.74 ล้านบาท
–
