Trends / แม้อาจไม่เป็นข่าวหรือสร้างกระแสได้เหมือนซีรีส์และหนัง แต่หากลองสังเกตกันดี ๆ เราจะเห็นได้ว่าในทุก ๆ รอบของการนำคอนเทนต์ใหม่ ๆ มาลงของบรรดาแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง จะมีเรียลลิตี้ โชว์แทรกมาด้วยเสมอ
นี่ทำให้นาน ๆ ไป ทุกแพลตฟอร์มต่างก็มีคอนเทนต์ประเภทนี้อยู่จำนวนมหาศาล นัยสำคัญของเรื่องนี้ไม่ได้มาจากจำนวนคอนเทนต์เท่านั้น แต่ยังมาจากที่มาอีกด้วย เพราะหนึ่งในทีมผู้ผลิตคอนเทนต์เหล่านี้ เดิมทำคอนเทนต์ลงในแพลตฟอร์มวิดีโอ โดยเฉพาะ Youtube มาก่อน ที่อาจเรียกได้รวม ๆ ว่า Content Creator
ปี 2025 มีพัฒนาการสำคัญเกิดขึ้นกับวงการ Content Creator นั่นคือโชว์ของ MrBeast และ Sidemen ที่อยู่ใน Youtube มานาน เริ่มย้ายช่องไปอยู่บน Prime Video (ของ Amazon) และ Netflix ตามลำดับ
นี่จึงหมายความว่า Content Creator ดังๆ เริ่มอิ่มตัวกับ Youtube และเห็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเป็นช่องทางหรือความท้าทายใหม่
เรื่องนี้ยังน่าสนใจในอีกหลายประเด็น เพราะมีขึ้นท่ามกลางเทรนด์การดูคอนเทนต์บนจอใหญ่ของคนทั่วโลก และ Smart TV ซึ่งราคาถูกลงมาก ในยุคที่อินเทอร์เน็ตคือความจำเป็นในบ้านของทุกครอบครัวไปแล้ว
ฝ่ายที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้มากสุดคือบรรดา Content Creator ซึ่งจะยิ่งทำเงินได้มากจนนับไม่ไหว และสื่อในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ต่างก็อยากได้ตัว จนดันเงินสะพัดในตลาด Creator Economy อีกมหาศาล

ราวปี 2012-2013 ที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเริ่มขยับขึ้นมาเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานในบ้านเรือนทั่วโลก และคนส่วนใหญ่ต่างก็มี Smartphone กันอินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่หรือพกพาใช้กันแล้ว เอื้อให้การดูและผลิตคอนเทนต์แบบวิดีโอ ทำและเผยแพร่เองได้ง่ายขึ้น
ณ เวลานั้น คอนเทนต์วิดีโอก็เริ่มมีเพิ่มขึ้น แต่กลุ่มที่ทำคอนเทนต์ขึ้นมาเอง โดยเฉพาะถ่ายทำแบบง่าย ๆ ผ่าน Smartphone กลับยังล้มลุกคลุกคลานและถูกมองแบบแปลก ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Sidemen ทีม Content Creator ในอังกฤษ ที่ยอมรับว่า คนรอบตัวทั้งเตือน ต่อว่า ไปจนถึงหัวเราะเยาะ กับการหมกมุ่นถ่ายคลิปวิดีโอกิจกรรมต่าง ๆ ไปลง Youtube

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาล่วงไป นอกจากเป็นที่ยอมรับได้แล้ว จำนวน Content Creator ก็มีมากขึ้น โดยปี 2022 มีข้อมูลว่าตลาด Creator Economy เริ่มโต จนจำนวน Content Creator ทั่วโลกเพิ่มเป็น 239 ล้านคน
ต่อมาในปี 2023 นอกจาก Content Creator ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้ว คอนเทนต์ที่ทำขึ้นก็ถูกซื้อไปลงตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งวิดีโอสตรีมมิ่งและโทรทัศน์ ไม่จำกัดอยู่เฉพาะโซเชียลมีเดีย และ Youtube อีกต่อไป ซึ่งก็ย่อมหมายถึงรายได้มหาศาลและโอกาสต่อยอดความดังไปสู่ธุรกิจต่าง ๆ ของ Content Creator นั่นเอง
หนึ่งในทีมที่ทั้งโด่งดังและทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากพัฒนาการนี้มากสุดคือ Sidemen ที่ประกอบไปด้วยชายหนุ่ม 7 คนชาวอังกฤษหลากเชื้อชาติ
ณ เวลานั้นพวกเขาเกาะกลุ่มทำช่องและคอนเทนต์ต่าง ๆ ใน Youtube มาได้ครบ 10 ปี และมียอด Subscribe เพิ่มเป็น 130 ล้าน โดยนี่ต่อยอดไปสู่ธุรกิจอีกมากมาย เช่น ร้านอาหาร การ์ดสะสม และเครื่องดื่ม รวมไปถึงกลุ่มทุนที่ลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ
ปี 2024 ตลาด Creator Economy ยังโตต่อเนื่อง โดยเบอร์ต้น ๆ ของวงการคือ สตีเฟน โดนัลด์สัน หนุ่มอเมริกันวัย 25 ปี ที่ใช้ชื่อในวงการว่า MrBeast ซึ่งจากวิดีโอที่ยอดวิวมหาศาลและผู้ติดตามมากมาย ทำให้เขามีรายได้มากถึง 85 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,800 ล้านบาท) ถือเป็นมหาเศรษฐี Content Creator อันดับ 1 ของโลก
ล่าสุดปี 2025 ตลาด Creator Economy ก็ก้าวไปอีกขั้น โดยนัยสำคัญคือโชว์ของ MrBeast และ Sidemen ซีซั่นใหม่ที่ย้ายจากช่อง Youtube ไปอยู่บน Prime Video (ของ Amazon) และ Netflix ตามลำดับ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
ท่ามกลางข้อมูลและความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของสอง Content Creator ดังในโลกตะวันตก โดย Beast Game โชว์ของ MrBeast แจกเงินรางวัลรวมมากถึง 5 ล้านดอลลาร์ (ราว 166 ล้านบาท) และเป็นคอนเทนต์ไม่มีบท ที่ทำยอดวิวสูงถึง 50 ล้านในเวลาเพียง 25 วัน ถือว่าสูงสุดเท่าที่เคยมีมาของ Prime Video
แน่นอนว่านี่ทำให้ MrBeast มีเงินมากมายให้ใช้จ่ายและต่อยอดลงทุน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเปิดดีลซื้อ TikTok

ด้านทีม Sidemen ก็มีความเคลื่อนไหวสุดปังนอกโลกออนไลน์เช่นกัน โดยฟุตบอลการกุศลระหว่างพวกเขากับ Content Creator ดังคนอื่น ๆ ซึ่งมี MrBeast รวมอยู่ด้วย ในเว็มบลีย์ สนามกีฬาดังสุดของอังกฤษ ขายตั๋ว 90,000 ใบหมดเกลี้ยงในเวลา 3 ชั่วโมง ยอดดูสดผ่านออนไลน์มากถึง 8 ล้านวิว และสามารถระดมเงินบริจาคได้ 4.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 156 ล้านบาท)
ณ จุดนี้จึงหมายความว่า ตลาด Creator Economy กระจายไปทั่วทุกแพลตฟอร์ม โดยมีปัจจัยสำคัญคือ คนทั่วโลกเปลี่ยนจากดูโทรทัศน์แบบเดิมที่ดูได้เฉพาะการออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ ไปเป็น Smart TV ที่ดูได้ตั้งแต่รายการโทรทัศน์ และคอนเทนต์ออนไลน์บน Youtube กับโซเชียลมีเดีย รวมไปถึงคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง

ท่ามกลางความต้องการดูจากจอใหญ่เมื่ออยู่ในบ้าน เพราะดูจากจอ Smartphone ไม่จุใจที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ค่ายเทคผลิต Smart TV มากขึ้น จน Smart TV ราคาเข้าถึงได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันของเหล่า Content Creator ก็ดุเดือดยิ่งขึ้น โดยที่เห็นชัดเจนคือ การถ่ายทำและเทคนิคต่าง ๆ ดีขึ้นจนบางคอนเทนต์เทียบเท่าหรือใกล้เคียงรายการโทรทัศน์ ซีรีส์หรือหนังแล้ว ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยการลงทุน และทีมงานที่เพิ่มขึ้น
ท่ามกลางข้อมูลน่าสนใจว่า ทีมงานโทรทัศน์จำนวนไม่น้อยที่ย้ายไปทีมงานของ Content Creator ดัง ๆ แล้ว และ Sidemen ได้กลายเป็นบริษัทใหญ่ที่มีทีมโปรดักชั่นและทีมงานมากเป็นหลักร้อย

จากนี้มีการประเมินกันว่าตลาด Creator Economy ยังคงโตต่อเนื่อง โดยเมื่อปี 2028 เงินสะพัดในตลาดนี้จะเพิ่มเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 ล้านล้านบาท) และเพิ่มอีกเป็น 64,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.1 ล้านล้านบาท) เมื่อถึงปี 2031 ท่ามกลางจำนวน Content Creator ที่มีเพิ่มเป็น 696 ล้านคน ♦/bbc, theguardian, forbes, hollywoodreporter, cnbc
–
