Foodpanda ขอถอนตัว ยิ่งตอกย้ำว่า ตลาด Food Delivery ไทยไม่หวาน (วิเคราะห์)
ประกาศยุติกิจการในไทยเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Foodpanda ผู้ได้ขึ้นชื่อว่าผู้เข้ามาเปิดตลาด Food Delivery รายแรกของไทยตั้งแต่ปี 2555 เพื่อทำความรู้จัก ช่วงชิงตลาดก่อน Food Delivery รายอื่นๆ จะเข้ามา
การยุติบริการของ Foodpanda ในไทยจะสิ้นสุดลงในวันที่23 พฤษภาคม 2568 ด้วยเหตุผล Delivery Hero SE บริษัทแม่ของ Foodpanda ปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นไปยังตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตและผลตอบแทนที่มากกว่า
ซึ่งก่อนหน้านั้น Delivery Hero SE ได้ยุติบริการใน เดนมาร์ก กานา สโลวาเกีย และสโลวีเนีย

สำหรับประเทศไทย Marketeer มองว่าตลาด Food Delivery จะเป็นตลาดขนาดใหญ่จากมูลค่ามากถึง 86,100 ล้านบาทในปี 2567 แต่เป็นตลาดที่มีความท้าทายจากมูลค่าที่หดตัวลง 1% จากปี 2566
จากปี 2565 มูลค่า 86,520 ล้านบาท เติบโต 5.8%
ปี 2566 มูลค่า 87,000 ล้านบาท เติบโต 0.6% อ้างอิงจาก KResearch
และตลาด Food Delivery ไทย ยังเป็นตลาดที่แข่งขันกันสูงจากคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Grab และ LINE MAN ที่ต่างลงเล่นสงครามผ่านแคมเปญการตลาดในรูปแบบต่างๆ ทั้งจำนวนร้านอาหาร ส่วนลด, การสั่งอาหารในรูปแบบบันเดิ้ล, ระบบสมัครสมาชิกแลกกับส่วนลดต่างๆ, การสร้างแพลตฟอร์มให้มีความหลากในรูปแบบ Super App เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าเข้ามายังแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง และเลือกแพลตฟอร์มหลักที่คิดถึงเป็นแพลตฟอร์มแรกในการสั่งอาหาร
ประกอบกับในตลาด Food Delivery ไทยยังมีผู้เล่นอย่าง Robinhood ที่เพิ่งเปลี่ยนมือจาก SCBX ผู้ก่อตั้งมายัง ยิบอินซอย และพาร์ทเนอร์ในปี 2567 ที่ในปัจจุบันให้บริการเพียงบริการเดียวคือ Food Delivery
และ Shopee แพลตฟอร์ม E-Marketplace ที่ให้บริการ Food Delivery เช่นกัน

นอกจากนี้ Food Delivery ยังมีความท้าทายในเรื่องของราคาอาหารที่ร้านอาหารส่วนใหญ่นิยมปรับราคาอาหารขึ้นจากหน้าร้านเพื่อนำส่วนต่างจ่ายเป็นค่า GP (Gross Profit) ให้กับแพลตฟอร์ม, การรับงานซ้อนของไรเดอร์ที่ทำให้อาหารส่งถึงมือลูกค้าช้า และการผลักดันให้ลูกค้าสั่งอาหารในวงเงินแต่และออเดอร์ที่สูง เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการส่งที่เกิดขึ้นจากสั่งอาหารในรูปแบบ Micro Order ที่มีการกำหนดออเดอร์ขั้นต่ำในแต่ละแพลตฟอร์ม เป็นต้น
สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่แพลตฟอร์ม Food Delivery หลีกเลี่ยงไม่ได้ และใครอ่อนแอก็ต้องแพ้ไปจากการทำธุรกิจที่ขาดทุนอย่างต่อเนื่องจนไม่สามารถรับการขาดทุนได้มากกว่านี้ได้
ซึ่ง Foodpanda ถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีการขาดทุนอย่างต่อเนื่องทุกปี แม้ที่ผ่านมา Foodpanda จะพยายามสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจผ่านการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เช่นการขยายการบริการให้ครอบคลุม 77 จังหวัด เป็นรายแรกในปี 2563, การพาตัวเองสู่ Super App ผ่านบริการอื่นๆ สร้างรายได้จากบริการใหม่ๆ ดึงลูกค้าเข้ามาในความถี่ที่เพิ่มขึ้น และร่วมเล่นสงครามลดราคาผ่านโค้ดส่วนลดต่างๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการ
แต่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ยังไม่สามารถพลิกเกมให้ Foodpandaกลับมาสร้างผลกำไรได้ แม้ในปี 2566 จะมีผลขาดทุนที่ลดลงก็ตาม
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบกว่า บริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ทำธุรกิจ Foodpanda ในไทย มีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้
2562 รายได้รวม 818.16 ล้านบาท ขาดทุน 1,264.50 ล้านบาท
2563 รายได้รวม 4,375.13 ล้านบาท ขาดทุน 3,595.90 ล้านบาท
2564 รายได้รวม 6,786.57 ล้านบาท ขาดทุน 4,721.60 ล้านบาท
2565 รายได้รวม 3,628.05 ล้านบาท ขาดทุน 4,721.60 ล้านบาท
2566 รายได้รวม 3,843.30 ล้านบาท ขาดทุน 522.49 ล้านบาท
แต่ไม่ใช่เพียง Foodpanda ที่ขาดทุนเท่านั้น เพราะยังมีแพลตฟอร์ม Food Delivery อื่นๆ ที่ยังประสบกับสภาวะขาดทุน
เช่น LINE MAN และ Robinhood
จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า LINE MAN บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด หลังควบรวมกับวงใน ในปี 2563 ดังนี้
2563 รายได้รวม 1,066.37 ล้านบาท ขาดทุน 1,114.67 ล้านบาท
2564 รายได้รวม 4,140.04 ล้านบาท ขาดทุน 2,386.52 ล้านบาท
2565 รายได้รวม 7,802.77 ล้านบาท ขาดทุน 2,730.85 ล้านบาท
2566 รายได้รวม 11,634.42 ล้านบาท ขาดทุน 253.81 ล้านบาท
ในปัจจุบัน LINE MAN มีผู้ใช้งาน 10 ล้านราย พร้อมกับสร้างการเติบโตผ่านการตลาดในด้านต่างๆ เช่น แคมเปญ ถูกสสุดสดทุกวันผ่านส่วนลดหลายต่อ, การให้ความสำคัญกับรางวัล Users Choice รางวัลที่มอบให้กับร้านค้าจากรีวิวผู้ใช้จริง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าเมื่อเลือกสั่งอาหาร, การมีร้านอาหารที่ Exclusive เฉพาะใน LINE MAN เท่านั้น เป็นต้น
Robinhood จดทะเบียนในชื่อ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด แพลตฟอร์มที่ในปัจจุบันมียิบอินซอยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
2563 รายได้รวม 0.08 ล้านบาท ขาดทุน 87.83 ล้านบาท
2564 รายได้รวม 15.79 ล้านบาท ขาดทุน 1,335.37 ล้านบาท
2565 รายได้รวม 538.24 ล้านบาท ขาดทุน 1,986.84 ล้านบาท
2566 รายได้รวม 724.45 ล้านบาท ขาดทุน 2,155.73 ล้านบาท
และภายใต้การเปลี่ยนมือ Robinhood ได้สร้างจุดต่างจากคู่แข่งด้วยการไม่ใช้ระบบงานพ่วง ที่ไรเดอร์ต้องส่งอาหารหลายบ้านใน 1 รอบ ผ่านแคมเปญ ทุกออเดอร์ส่งไว ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม พร้อมกับการจับมือกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ มอบส่วนลดให้กับลูกค้าที่ใช้บริการ
ส่วน Grab เป็น Food Delivery ที่มีผลกำไรต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2565
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่า บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด มีผลประกอบการดังนี้
2562 รายได้รวม 3,193.19 ล้านบาท ขาดทุน 1,650.11 ล้านบาท
2563 รายได้รวม 7,215.46 ล้านบาท ขาดทุน 284.28 ล้านบาท
2564 รายได้รวม 11,375.56 ล้านบาท ขาดทุน 325.25 ล้านบาท
2565 รายได้รวม15,197.48 ล้านบาท กำไร 576.13 ล้านบาท
2566 รายได้รวม15,622.43 ล้านบาท กำไร 1,308.46 ล้านบาท
ส่วนการทำตลาดของ Grab มุ่งเน้นไปที่ การขยายบริการเข้าถึงลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ ผ่านแคมเปญ และบริการต่างๆ เช่น โปรแกรม GrabUnlimited มอบส่วนลดให้กับผู้สมัคร, การจัด Hot Deals, Grab Food Maga Sale และอื่นๆ
ในส่วนของ Shopeefood ไม่มีผลประกอบการของธุรกิจที่ชัดเจนแม้จะมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ช้อปปี้ฟู้ด จำกัด
โดยปีนี้ Shopeefood ได้เปิดฟีเจอร์ Shopeefood Affiliate ดึงดูดให้อินฟลูเอนเซอร์ ครีเอเตอร์สายรีวิวอาหาร เข้ามาแนะนำอาหารใน Shopeefood รับค่าคอมมิชชัน เพื่อกระจายการรับรู้และเพิ่มความถี่ในการสั่งอาหารผ่านแพลตฟอร์มมากขึ้น
อน่างไรก็ดีสำหรับตลาด Food Delivery ไทย แม้จะสูญเสียผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Foodpanda ไปอีก 1 ราย แต่ยังงเป็นตลาดที่ใครหลายคนเห็นโอกาสจากผู้บริโภคในยุค Lazy Economy ♦
Website : Marketeeronline.co /
