Trends / บาริสต้าของ Starbucks กว่า 2,000 คน ใน 120 สาขาในสหรัฐอเมริกา รวมถึงบางแห่งในแคนาดา ได้เริ่มการผละงานประท้วงตั้งแต่เมื่อ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อระเบียบการแต่งกายใหม่ที่บริษัทประกาศใช้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพแรงงาน Starbucks Workers United ที่ถือเป็นตัวแทนของพนักงาน Starbucks ในสหรัฐฯ

ระเบียบการแต่งกายใหม่ที่จุดกระแสต่อต้านนี้เริ่มบังคับใช้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้พนักงานในร้านค้าที่เป็นของบริษัทโดยตรง และร้านค้าที่มีสัญญาอนุญาตในสหรัฐฯ และแคนาดา ต้องสวมเสื้อสีดำสนิท และกางเกงสีกากี สีดำ หรือผ้ายีนส์สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นการจำกัดทางเลือก ตรงข้ามกับจากเดิมที่อนุญาตให้สวมเสื้อผ้าสีเข้มและมีลวดลายได้หลากหลายกว่า
ฝ่ายบริหาร Starbucks ให้เหตุผลว่า เพื่อต้องการเน้นย้ำความโดดเด่นของผ้ากันเปื้อนสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ และสร้างความรู้สึกเป็นกันเองต่อลูกค้า อันจะนำไปสู่บรรยากาศที่เป็นมิตรภายในร้าน ต่อเนื่องจากการปรับเปลี่ยนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น ให้เติมน้ำตาล นม และครีม ได้ฟรี เพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน กระตุ้นยอดขาย และจูงใจให้ลูกค้าอยู่ในร้านนานขึ้น

แต่ Starbucks Workers United มองว่า การเปลี่ยนแปลงระเบียบการแต่งกายดังกล่าวเป็นประเด็นที่ควรได้รับการเจรจาจนทั้งฝ่ายบริหารและพนักงานยอมรับได้และเข้าใจตรงกันก่อน
เพจ ซัมเมอร์ส หัวหน้ากะประจำสาขาแห่งหนึ่งในรัฐแมริแลนด์ กล่าวว่า Starbucks เป็นมาตรการที่ไม่ตรงจุด และควรหันมารับฟังความคิดเห็นของพนักงานมากกว่าที่จะบังคับใช้ระเบียบที่เข้มงวดเช่นนี้ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่ลูกค้าใส่ใจมากสุดคือ ได้เครื่องดื่มที่สั่งแบบรวดเร็วทันใจ ส่วนสีเสื้อผ้าของพนักงานแทบไม่ได้สนใจเลย
Starbucks Workers United ไม่หยุดแค่นั้น โดยได้วิจารณ์ว่า การที่ Starbucks ขายเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์ Starbucks ภายใต้เว็บไซต์ภายในนั้นถือว่าทำตัวขัดกับกฎระเบียบการแต่งกายใหม่เสียเอง
ด้าน Starbucks พยายามลดกระแสต่อต้านด้วยการประกาศว่าจะให้เสื้อยืดสีดำให้แก่พนักงานคนละสองตัวเมื่อมีการประกาศใช้ระเบียบใหม่ พร้อมประเมินว่า การประท้วงนี้จะกระทบต่อสาขาทั่วประเทศเพียงเล็กน้อย เพราะร้านค้าส่วนใหญ่ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
และกลุ่มที่ประท้วงมีเพียง 2,000 คนจากพนักงาน Starbucks ราว 10,000 คนทั่วทั้งสหรัฐฯ แต่ก็เรียกร้องให้สหภาพแรงงานหันมาเจรจาเพื่อหาข้อตกลงร่วมกัน อันจะบรรเทาสถานการณ์เพื่อให้การประท้วงยุติลงในที่สุด
ส่วนความเห็นจากชาวอเมริกันต่อเรื่องนี้นั้นแตกออกเป็นสองฝ่าย โดยฝ่ายหนึ่งที่เข้าข้าง Starbucks มองว่า ข้อเรียกร้องของพนักงานไม่มีน้ำหนักเพียงพอเมื่อเทียบกับมาตรฐานการแต่งกายของบริษัทอื่น ๆ ขณะที่อีกฝ่ายที่เข้าข้าง Starbucks Workers United มองว่า ฝ่ายบริหาร Starbucks ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพและราคาของสินค้า รวมถึงความพึงพอใจของพนักงานมากกว่า
สำหรับ Starbucks Workers United ก่อตั้งเมื่อปี 2021 โดยสถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างฝ่ายบริหารของ Starbucks และสหภาพแรงงาน ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างในอนาคตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามจากนี้ คือ Starbucks กับ Starbucks Workers United จะตกลงกันได้หรือไม่ โดยหากตกลงกันไม่ได้การประท้วงอาจขยายวง ซึ่งผู้ที่ถูกจับตามองมากสุดจากเรื่องนี้ คือ ไบรอัน นิโคลล์ ซีอีโอ Starbucks ที่ย้ายจาก Chipotle’ มาเป็นเบอร์หนึ่งของเชนกาแฟโลโก้เงือกไซเรน ตั้งแต่กันยายน 2024

และตั้งแต่ที่เข้ามาบริหารเขาก็สั่งให้ปรับเปลี่ยนมากมาย โดยการปรับเปลี่ยนบางอย่างก็ถูกเผชิญกระแสต่อต้าน เช่น การเขียนกาแฟเป็นชื่อลูกค้าพร้อมข้อความต่าง ๆ ที่พนักงานทำอย่างไม่เต็มใจ หรือลำบากใจ เพราะลูกค้ามองว่าเป็นการแซวหรือจีบ จนกลายเป็นดราม่าในสื่อออนไลน์
ส่วนการไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่ลูกค้าเข้าห้องน้ำในร้าน หรือสั่งเครื่องดื่มอย่างน้อยหนึ่งแก้วเพื่อให้เข้าห้องน้ำได้ ก็ถูกมองจากชาวอเมริกันบางส่วนว่าใจร้ายเกินไป เพราะแม้ในมุมทางธุรกิจจะลดงานพนักงานเพื่อให้มีเวลาบริการลูกค้าได้มากขึ้น และยังเป็นการลดเหตุร้ายต่าง ๆ ในห้องน้ำ
แต่ในมุมทางสังคมก็ควรอนุโลมให้กับบางคนที่ปวดหนักจริง ๆ เพราะสหรัฐฯ มีห้องน้ำสาธารณะน้อยมาก/japantoday
–
