มิสเตอร์ดีไอวาย ทำอย่างไรให้มีรายได้พุ่ง 16,200 ล้าน สาขาทะลุพัน และยังเตรียมบุกทุกชุมชน (วิเคราะห์)
ตลาดค้าปลีกสินค้าเบ็ดเตล็ดในไทยแข่งกันที่ราคา ยิ่งราคาถูกยิ่งดึงลูกค้าเข้าร้านได้มาก ร้านที่สามารถจัดการต้นทุนแล้วขายสินค้าในราคาถูกได้ ก็จะโกยส่วนแบ่งการตลาดไป ซึ่งร้านเชนใหญ่ที่ได้เปรียบเรื่อง Economies of Scale การจัดการต้นทุนต่อหน่วยได้ดีกว่าร้านค้ารายเล็ก สินค้าราคาย่อมเยากลายเป็น Key Success ที่เอาชนะใจผู้บริโภคคนไทยได้
ซึ่ง MR.D.I.Y. ทำได้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค สินค้าของบริษัทราคาถูกกว่าคู่แข่งถึง 24.7% แม้จะดำเนินธุรกิจในไทยใช้ระยะเวลาเพียง 9 ปี แต่ประสบผลสำเร็จในการขยายสาขาได้ในระดับ 1,000 แห่ง ใน 77 จังหวัดทั่วไทยเป็นที่เรียบร้อย ยึดหัวหาดตลาดค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย
คุณแอนดี้ ชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากจุดเริ่มต้นเพียงหนึ่งสาขาสู่การขยายครบ 1,000 สาขาทั่วประเทศ มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. ยึดมั่นในคำว่า “Always Low Prices” หรือ “ราคาถูกคุ้มเสมอ” มาโดยตลอด มีสาขาครอบคลุมทั้งในเมืองใหญ่และชุมชน ช่วยให้เข้าถึงได้ง่าย
คุณอานุภาพ คงมาลัย รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทรนด์ของผู้บริโภคจากเดิมที่ชื่นชอบสินค้าหรูหราได้เปลี่ยนไป ด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่คนต้องรัดเข็มขัด ใช้จ่ายน้อยลง ซื้อเฉพาะที่จำเป็น ทำให้คนกลับมาสนใจสินค้าที่คุ้มค่า เพราะเริ่มตระหนักว่าการเก็บออมเงินเป็นสิ่งสำคัญกว่า
กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ครอบครัว ส่วนใหญ่เป็นแม่บ้านอายุ 35 ปีขึ้นไป มีกำลังซื้อ และเป็นคนตัดสินใจซื้อของใช้ภายในบ้าน แต่ในช่วงแรกที่เปิดสาขาในไทย ลูกค้าส่วนใหญ่คือระดับรากหญ้า ทว่าหลังจากนั้น 2-3 ปี กลุ่มลูกค้าขยายจากระดับล่างขยับมา B+ ระดับกลางถึงบน
โดยหลังจากนี้ บริษัทเดินหน้าขยายสาขา ยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าด้วยรูปแบบร้านค้าใหม่ ๆ อย่างโมเดล MR.D.I.Y. 2.0 เจาะทำเลห้างสรรพสินค้าที่มีกำลังซื้อสูง ขยายพื้นที่กว้างขึ้น เพิ่มประสบการณ์ช้อปให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบันโมเดลนี้ตั้งอยู่ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และแฟลกชิปสโตร์ซีคอนสแควร์ศรีนครินทร์
นอกจากนี้ โมเดลร้านในรูปแบบอื่น แบ่งออกได้เป็น
– Express พื้นที่น้อยกว่า 300 ตารางเมตร ตั้งอยู่ตามอาคารสำนักงานเป็นหลัก
– Mall ในห้างสรรพสินค้า พื้นที่ 700 ตารางเมตร แต่หลังจากโควิด-19 ที่รีเทลปิดตัว รูปแบบร้านนี้ได้รับผลกระทบหนัก จึงเริ่มเปลี่ยนไปขยาย Stand alone แทน
– Stand alone เกินกว่า 70% คือร้านรูปแบบนี้
นำเสนอสินค้ามากกว่า 15,000 รายการ ใน 6 หมวดหมู่หลัก ตั้งแต่อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ไปจนถึงของใช้ในบ้านที่จำเป็น สินค้าภายในร้านแบ่งเป็น นำเข้า 69% ขณะที่แบรนด์ Local อยู่ที่ 31% มาจากแบรนด์ชั้นนำของไทย แต่บริษัทพยายามจะเพิ่มแบรนด์โลคอลให้เพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต ในส่วนของ House Brand แบรนด์ DIY ขณะนี้มีสัดส่วนอยู่ที่ 40% ของแบรนด์ทั้งหมด
พฤติกรรมลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่จะซื้อสินค้ามากกว่าที่ลิสต์ไว้ ค่าใช้จ่ายต่อบิลอยู่ที่เฉลี่ย 172-175 บาทต่อบิล เฉลี่ย 4 ชิ้นต่อบิล
เน้นทำการตลาดแบบ Seasonal ล้อไปกับช่วงเทศกาลสำคัญของคนไทย เช่น สงกรานต์, ฮาโลวีน, Back to School อุปกรณ์การเรียนลด 30%, ปีใหม่, วันแม่แห่งชาติ เป็นต้น
ขยายเพิ่ม 500 สาขา ใน 3 ปี ลงทุน 6,000 ล้านบาท
ปัจจุบันมิสเตอร์ดีไอวายมีสาขารวมทั้งสิ้น 1,004 สาขาในไทย ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในภาคกลางกว่า 40% สัมพันธ์กับยอดขายที่มาเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาคือเขตกรุงเทพฯ 20% ตามด้วยภาคอีสาน
ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 500 แห่ง ภายในปี 2570 ด้วยงบลงทุน 6,000 ล้านบาท (ปีละ 2,000 ล้านบาท) โดยเฉลี่ยเปิดเพิ่มปีละ 167 สาขา ซึ่งเป็นการขยายสาขาที่ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 193 สาขาต่อปี
ในต่างประเทศ ไทยนับเป็นประเทศที่สองที่มิสเตอร์ดีไอวายมาลงทุนเปิดสาขา เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพของจำนวนประชากร และไลฟ์สไตล์ที่เหมาะกับสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
ประเทศที่มีจำนวนสาขาทะลุ 1,000 สาขาในอาเซียน
– อินโดนีเซีย 1,500
– มาเลเซีย 1,300
– ไทย 1,004
แต่มาเลเซียประชากรต่อสาขาอยู่ที่ราว 350 คนต่อสาขา ขณะที่ไทยอยู่ที่เพียง 160 คนต่อสาขา บริษัทจึงมองว่าไทยยังมีโอกาสเติบโตไปได้อีกมาก ต่อไปมองไปถึงระดับอำเภอ และชุมชน เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงมิสเตอร์ดีไอวายได้ง่ายขึ้น
ผลประกอบการในปี 2567 ที่ผ่านมา มิสเตอร์ดีไอวายกวาดรายได้ 16,200 ล้านบาท ขณะที่อัตราการเติบโตของการขยายสาขาอยูที่ 27.7%
เมื่อถามถึงการมาของมิสเตอร์ดีไอวายว่ากระทบผู้ประกอบการรายย่อย ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ดหรือร้านทุกอย่าง 20 บาทหรือไม่ คุณอานุภาพมองว่ามิสเตอร์ดีไอวายมาเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่า ผู้ได้รับผลประโยชน์คือตัวผู้บริโภคเอง
จากนี้ มิสเตอร์ดีไอวาย จะไม่ได้เป็นเพียงร้านค้าปลีกอีกต่อไป แต่จะเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความไว้วางใจสำหรับการเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ที่ตอบทุกความต้องการ ‘ช้อปได้ทุกวัน ครบเพื่อทุกคน’
–
Website : Marketeeronline.co /
