ในปีที่ผ่านมา คู่รักชาวอินเดียมีการจัดพิธีแต่งงานมากถึง 10 ล้านคู่ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในธุรกิจงานแต่งงานกว่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดการณ์ว่ามูลค่านี้จะเติบโตขึ้นสู่ระดับ 229,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2576
โดยเม็ดเงินของพิธีแต่งงานทั้งหมดไม่ได้อยู่แต่ในประเทศเท่านั้น เพราะคู่รักชาวอินเดียนิยมจัดพิธีแต่งงานในต่างประเทศ หรือ Destination Wedding และเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จากคู่รักหันมาให้ประสบการณ์ที่มากขึ้น ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากโซเชียลมีเดีย เช่น IG และ Pinterest
สำหรับในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งใน Destination Wedding ที่คู่รักชาวอินเดียนิยมเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานมากสุด นอกเหนือจากสหรัฐอำหรับเอมิเรตส์, อิตาลี และ ตุรกี ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงนิวเดลี
ในปีที่ผ่านมามีคู่รักอินเดียเดินทางเข้ามาจัดงานพิธีแต่งงานในประเทศไทยมากถึง 285 งาน และคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากกระแส Destination Wedding ที่เพิ่มมากขึ้น
วิชิต คุณคงคาพันธ์ Head of International Business Development – MI BRIDGE อธิบายว่า การที่ประเทศไทยกลายเป็น Destination Wedding มาจากหลายปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ความคุ้มค่าในการจัดงาน ความสะดวกในการเดินทาง โครงสร้างพื้นฐานด้านโรงแรมและสถานที่จัดงานที่ได้มาตรฐานสากลที่พร้อมรองรับแขกได้มากถึง 300-500 คน บนการเดินทางที่สะดวกด้วยเที่ยวบินตรงจากหลายเมืองใหญ่ในอินเดีย และนโยบายยกเว้นวีซ่าที่กระตุ้นให้ชาวอินเดียเดินทางมาประเทศไทยสะดวกมากขึ้น
ตลอดจนประเทศไทยยังมีจุดแข็งในเรื่องของธรรมชาติที่สวยงามและการบริการจัดงานแต่งงานที่เข้าใจพิธีกรรมและวัฒนธรรมของอินเดียอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากพิธีแต่งงานของคู่รักชาวอินเดียยังประกอบด้วยหลากหลายขั้นตอนที่มีความหมายมงคล เช่น Mehndi Night พิธีก่อนแต่งงานที่เพ้นท์ลวดลายเฮนน่าลงบนร่างกายบ่าวสาวเพื่อเสริมสิริมงคล, Haldi Ceremony พิธีทาขมิ้นให้บ่าวสาวเพื่อความเป็นมงคล, Sangeet Party งานรื่นเริงก่อนวันแต่งงาน, พิธีแต่งงานหลัก และงานเลี้ยงฉลองที่ใช่เวลาเฉลี่ยประมาณ 3-5 วัน
ซึ่งทุกขั้นตอนของพิธีแต่งงงานของชาวอินเดียเต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน และความงดงามตระการตา ยิ่งเมื่อมีธรรมชาติของประเทศไทยเป็นฉากหลัง ก็ยิ่งทำให้คู่รักชาวอินเดียมองว่าพิธีเหล่านี้มีเสน่ห์และความประทับใจมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับภาพถ่ายและวิดีโอที่คู่บ่าวสาวจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ

ที่ผ่านมา คู่รักชาวอินเดียมักเลือกจัดพิธีแต่งงานในจังหวัดชายทะเลของไทยเป็นหลัก เนื่องจากหลงใหลบรรยากาศโรแมนติกของวิวพระอาทิตย์ตกดิน โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยม ได้แก่
- ภูเก็ต – จังหวัดที่ได้รับความนิยมสูงสุด จากจุดเด่นของรีสอร์ตหรูที่พร้อมรองรับผู้เข้าพักจำนวนมาก และชายหาดสวยงาม
- กระบี่ – โดดเด่นด้วยวิวธรรมชาติและหมู่เกาะน้อยใหญ่
- หัวหิน – เมืองท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับงานที่มีครอบครัวร่วม และเดินทางสะดวกจากกรุงเทพฯ
- พัทยา – เดินทางง่าย มีโรงแรมและสถานที่รองรับงานขนาดใหญ่
- เชียงใหม่ หรือเมืองท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เพื่อต้องการบรรยากาศแตกต่างจากชายทะเล
อย่างไรก็ดี การที่คู่รักชาวอินเดียเลือกประเทศไทยเป็น Destination Wedding ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของการท่องเที่ยวไทย และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากงานแต่งงานของชาวอินเดียมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยในประเทศไทยราว 7–10 ล้านบาท สำหรับงานขนาดกลาง และ 10–30 ล้านบาท สำหรับงานขนาดใหญ่
เม็ดเงินเหล่านี้ถูกกระจายไปยังหลากหลายธุรกิจ ทั้งโรงแรม รีสอร์ต ที่พัก ร้านอาหาร บริษัทอีเวนต์ สตูดิโอถ่ายภาพ วงดนตรี ศิลปินตกแต่งสถานที่ ร้านดอกไม้ ร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ตลอดจนผู้ให้บริการขนส่งและทัวร์ท่องเที่ยวระหว่างงาน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่แขกผู้ร่วมงาน
เพราะสำหรับชาวอินเดีย ความรักไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการแต่งงาน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของฐานะทางสังคม ที่สามารถสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ ♦
