หนึ่งในตลาดที่โตอย่างชัดเจนช่วงไม่กี่ปีมานี้คือ สินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะหมาและแมว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากผู้คนหันมาทำตัวเหมือนพ่อแม่เลี้ยงสัตว์แทนลูก (Pet Parents) กันมากขึ้น
ตลาดนี้ยังจะขยายตัวได้อีกจากสินค้าอีกประเภทเพื่อสัตว์เลี้ยง ที่เน้นเรื่องน้ำหนักและสุขภาพ ซึ่งทำให้บรรดา “น้อนๆ” ได้รับการดูแลเหมือนคนเข้าไปทุกที และเป็นการยืนยันว่าเหล่า “นุด” ก็ยังพร้อมเปย์ไม่อั้น

บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพแห่งหนึ่งได้ประกาศทดลองใช้ยาฝังที่สามารถใช้ลดน้ำหนัก โดยออกฤทธิ์เลียนแบบฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหาร จนรู้สึกอิ่มและอยากอาหารน้อยลง ลักษณะเดียวกับที่ใช้อยู่ในคน
ตามรายงานสื่ออังกฤษระบุว่า บริษัทดังกล่าวตั้งเป้าจะนำยาตัวนี้ออกสู่ตลาดให้ได้ภายในปี 2028 ด้วยความหวังว่าวิทยาศาสตร์เดียวกันนี้จะช่วยควบคุมความอยากอาหารที่รุนแรงในสุนัขบางสายพันธุ์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
รายงานการเดินหน้าทดลองยาที่อาจกล่าวได้ว่ามีสรรพคุณลดความอ้วนในหมา-แมวนี้ มีขึ้นท่ามกลางปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้ง 2 ประเภทนี้รู้ดี ซึ่งในที่สุดแล้วจะทำให้ชีวิตของพวกมันสั้นลง
สำหรับหมา หากอ้วนไปจะเสี่ยงต่อโรคข้ออักเสบ, โรคหัวใจ, ปัญหาการหายใจ และมะเร็ง ส่วนแมว หากน้ำหนักตัวเกิน จะเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ปัญหาทางเดินปัสสาวะ และมะเร็ง
หากวางตลาด ยาลดความอ้วนสำหรับหมา-แมว จะมีผลดีอีกอย่าง นั่นคือ ช่วยให้เจ้าของรับมือกับอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการลดน้ำหนักของสัตว์เลี้ยง ที่สัตวแพทย์เรียกว่า พลังการอ้อนวอน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การที่มนุษย์ใจอ่อน ไม่สามารถปฏิเสธสายตาวิงวอนของเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ได้นั่นเอง
นอกจากนี้ยังอาจช่วยลดปัญหาโรคอ้วนในหมาและแมว หลังการทำหมัน, อายุที่มากขึ้น, การขาดการออกกำลังกาย และการให้อาหารมากเกินไป โดยรายงานปี 2024 จากกลุ่มตัวแทนผู้ผลิตอาหารสัตว์ในสหราชอาณาจักร (UK Pet Food) ยังระบุว่า สุนัขถึง 50% และแมว 43% มีภาวะน้ำหนักเกิน
แม้การนำยาของคนมาปรับใช้กับสัตว์จะยังเป็นที่ถกเถียง สัตวแพทย์ก็เห็นด้วยว่า หากลองปรับเปลี่ยนอาหารและให้สัตว์เลี้ยงออกกำลังกาย แต่ยังไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็อาจต้องใช้ยาลดความอ้วน แต่ต้องผ่านการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสมและได้มาตรฐานก่อนนำมาใช้จริง
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางเทรนด์ Pet Parent ในหลายประเทศที่โตต่อเนื่อง จนอาจกล่าวได้ว่าสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซาและปัญหาค่าครองชีพ
ที่เกาหลีใต้ มูลค่าตลาดสินค้าและบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงคาดว่าเมื่อถึงปี 2027 จะเพิ่มเป็น 15 ล้านล้านวอน (ราว 387,000 ล้านบาท) ท่ามกลางบริการปรนเปรอสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น เช่น การซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมโปรแกรมเที่ยวกับสัตว์เลี้ยง
ส่วนที่จีน ก็มีบริการให้เช่าสัตว์เลี้ยง ด้านญี่ปุ่นก็ไม่น้อยหน้าด้วยตลาดอาหารและบริการดูแลแมวหรือ Nekonomics ที่นำคำว่าแมวในภาษาญี่ปุ่นกับเศรษฐกิจในภาษาอังกฤษมาผสมกัน ซึ่งในปี 2025 มูลค่าตลาดจะโตมากกว่างบที่ประเทศเป็นเจ้าภาพจัดโอลิมปิกเมื่อปี 2021 เสียอีก
ขณะที่อังกฤษ ก็มีเทรนด์การปรับดีไซน์บ้านเพื่อเอาใจหมาที่เลี้ยงไว้หรือ Barkitecture นอกจากนี้หลายประเทศ รวมถึงไทย ตลาด Human Grade Pet Food คือการผลิตอาหารสัตว์ให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับอาหารคน ก็กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย / the guardian
