มัทฉะ ราคาพุ่ง 170% เพราะภาวะโลกร้อนทำผลผลิตลด สวนทางดีมานด์ที่พุ่งสูงทั่วโลก
เครื่องดื่มที่กลับมาฮอตอย่าง “มัทฉะ” กำลังขาดแคลนอย่างหนัก เนื่องจากคลื่นความร้อนทำให้ผลผลิตในญี่ปุ่นลดลง สวนทางความต้องการที่พุ่งสูงทั่วโลก ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนเป็นครั้งแรก
มัทฉะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เป็นทางเลือกใหม่แทนกาแฟ เนื่องจากให้ปริมาณคาเฟอีนดีกว่าชาเขียวทั่วไป และมีส่วนช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
ความนิยมของมัทฉะทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา เยอรมนี และดูไบ ทำให้ปริมาณความต้องการของมัทฉะในตลาดโลกสูงเกินกว่าเป้าหมายการส่งออกของญี่ปุ่นที่ตั้งไว้
ซึ่งความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงไม่ใช่ปัญหาเดียวเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมปัญหาด้านการผลิต เนื่องด้วยอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น ส่งผลให้กำลังการผลิตถึงขีดจำกัด
สมาคมชาญี่ปุ่นโลก (Global Japanese Tea Association) รายงานว่า ราคา ‘เท็นฉะ’ ซึ่งเป็นใบชาที่ผ่านการตากแห้งและบดเพื่อใช้ผลิตมัทฉะพุ่งสูงถึง 170% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 8,235 เยนต่อกิโลกรัม (55.45 ดอลลาร์สหรัฐ) ในการประมูลที่เมืองเกียวโตเดือนพฤษภาคม ทำลายสถิติเดิมที่ 4,862 เยนต่อกิโลกรัม(32.74 ดอลลาร์สหรัฐ)ในปี 2016

ญี่ปุ่นผลิตเท็นฉะได้ 5,336 ตัน ในปี 2024 เพิ่มขึ้นสี่เท่าจากเมื่อสิบปีก่อน โดยราว 44% ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาเขียวผง เช่นมัทฉะ แต่ความต้องการระหว่างประเทศเกินเป้าหมายการส่งออกของญี่ปุ่นที่ 15,000 ตันภายในปี 2030
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง แสดงข้อมูลการส่งออกชาเขียวโดยรวมของญี่ปุ่นในปี 2024 ระบุว่า ในแง่ปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้น 16% ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้น 25% เป็น 36,400 ล้านเยน (252 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) 
แต่ปีนี้ในบางพื้นที่ผลเก็บเกี่ยวลดลงจึงทำให้ต้องปลูกเพิ่มในแปลงใหม่ และรัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาให้เงินอุดหนุนแก่เกษตรกรผู้ผลิตเท็นฉะ อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาถึง 5 ปีจึงจะพร้อมเก็บเกี่ยว ซึ่งหมายความว่าผลผลิต มัทฉะ จะไม่เพิ่มขึ้นทันที
อย่างในเกียวโตซึ่งรับผิดชอบการผลิตเท็นฉะประมาณ 25% ของทั้งประเทศญี่ปุ่น ประสบกับคลื่นความร้อนรุนแรงส่งผลให้เก็บชาได้น้อยลง ปัญหาการขาดแคลนดังกล่าวส่งผลให้ร้านค้าในญี่ปุ่นต้องจำกัดปริมาณการซื้อมัทฉะต่อหัวเพื่อป้องกันการกักตุน ซึ่งร้านค้าออนไลน์หลายแห่งขายหมดเกลี้ยงไปเมื่อหลายเดือนก่อน เนื่องด้วยผู้ซื้อจากสหรัฐฯ กว้านซื้อตุนของก่อนที่จะปรับขึ้นภาษี
บริษัทชายักษ์ใหญ่อย่าง อิโตเอ็น ผู้จำหน่ายชาเขียวบรรจุขวดรายใหญ่ที่สุดในโลก วางแผนปรับขึ้นราคาชาเขียวและมัทฉะแล้ว 50%-100% นับแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบและแรงงานที่สูงขึ้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นบริโภคมัทฉะมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 โดยส่วนใหญ่ใช้ในพิธีชงชาแบบพิธีกรรมที่ใช้ผงเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อไม่นานมานี้ความต้องการมัทฉะพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากชื่อเสียงในฐานะซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระได้กลายเป็นที่พูดถึงในโซเชียล แพร่กระจายไปทั่ว TikTok
อ้างอิง : CNBC
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
