“รวยมากจากไหน?” คือคำถามที่หลายคนอยากรู้เมื่อเห็นชื่อของ ดร.วาสนา อินทะแสง หรือ “เมย์ วาสนา” ปรากฏในหน้าสื่อ พร้อมภาพรถหรู เครื่องประดับมูลค่าหลักสิบล้าน ไปจนถึงการเป็นเจ้าของธุรกิจผู้ผลิตอาหารเสริมครบวงจรของไทย”
ดร.วาสนา อินทะแสง หรือ “เมย์ วาสนา” จบ
- ปริญญาตรีหลักสูตร บริหารธุรกิจบัณฑิต สาชาวิชาการตลาด มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
- ปริญญาโทใบแรกจากหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (การจัดการเชิงกลยทธุ์) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- ปริญญาโทใบที่ 2 หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
- ปริญญาเอก หลักสูตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
ที่ผ่านมาบทบาทที่ทำให้เมย์ถูกจับตาคือ การเป็นนักปั้นแบรนด์ให้ดารา เซเลบ และผู้ประกอบการต่างๆ ภายใต้ รีโว่เมด กรุ๊ป เธอผลิตอาหารเสริมมาแล้วกว่า 5,000 แบรนด์
ปัจจุบันเธอมีอาณาจักรธุรกิจ ได้แก่
- บริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตอาหารเสริมและความงามครบวงจร รายได้ปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 954 ล้านบาท ขาดทุน 78 ล้านบาท ปัจจุบันมีโรงงานทั้งหมด 2 แห่ง คือที่ประเทศไทยและนิวซีแลนด์ และมีสาขาอีก 3 แห่งที่ประเทศเมียนมาร์ กัมพูชา และจีน
- บริษัท บีโนว่า โกลเบิล จำกัด ธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง รายได้ปี 2566 ประมาณ 52 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 7 ล้านบาท (อยู่ในช่วงลงทุนเพื่ออนาคต)
- ธุรกิจอื่น ๆ ภายใต้กลุ่ม Revomed เช่น Revomed Health และ Revomed Smart Warehouse ที่ลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เพื่อยกระดับการผลิต
โฟกัสที่รายได้ย้อนหลัง 3 ปีของบริษัท รีโว่เมด กรุ๊ป จำกัด
- ปี 2565 รายได้รวม 718,500,502.69 บาท กำไร 56,767,872.90 บาท
- ปี 2566 รายได้รวม 885,261,915.61 บาท กำไร 76,588,288.19 บาท
- ปี 2567 รายได้รวม 954,399,874.28 บาท ขาดทุน 78,151,813.18 บาท
เธอชี้แจงว่า งบปีในปี 2567 เกิดการขาดทุนเนื่องจาก การเก็บหนี้ไม่ได้
BioActive+ จะทำให้ รีโว่เมด กรุ๊ป กลับมาทำกำไรอีกครั้ง?
ต้นปี 2568 เธอร่วมกับ จี๋ สุทธิรักษ์ เปิด บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซด 1984 จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 25 ล้านบาท ปั้นแบรนด์ BioActive+ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทคอลลาเจน Drop & Drink อาหารเสริมแบรนด์แรกที่เธอเป็นเจ้าของแบรนด์และลงมือทำเอง 100%
เดิมที BioActive เป็นแบรนด์อาหารเสริมที่มีอายุกว่า 40 ปีจากประเทศนิวซีแลนด์ เธอได้เทคโอเวอร์มาเมื่อ 2 ปีก่อนด้วยงบในหลัก “ร้อยล้านบาท” มาปัดฝุ่นใหม่ ซุ่มพัฒนาสูตรและนำเสนอในสไตล์โมเดิร์น
BioActive+ เปิดขายเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายพุ่งทะลุ 921 ล้านบาท (ข้อมูลซัปพอร์ต จาก Insight Data ของยอดขาย นับตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม – 9 กันยายน 2568)
มียอดคำสั่งซื้อสิ้นค้าทั้งหมด 1,541,707 กล่อง หรือ จัดจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 15 ล้านหลอด คิดเป็นวันละ 121,394 หลอด ชั่วโมงละ 5,058 หลอด นาทีละ 84 หลอด (ข้อมูลซัปพอร์ต จาก Insight Data ของยอดขาย นับตั้งแต่ วันที่ 5 พฤษภาคม – 8 กันยายน 2568) และตั้งเป้าแตะ 1,500 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2568 หรือคิดเป็น Market Share ประมาณ 3% ของตลาดอาหารเสริมไทย
สิ่งที่ทำให้ BioActive+ เติบโตได้ในระยะเวลา 4 เดือนคือ คือกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ชัดเจนและการตลาดที่เข้มข้น ครอบคลุมทั้ง Branding – Communication – Sales Activation บนงบการสร้างแบรนด์และการตลาดที่วางไว้อยู่ที่ 10-15% (150-225 ล้านบาท) จากเป้ายอดขาย ในปี 68 (1,500 ล้านบาท)
- สร้างแบรนด์ Premium Liquid Supplement ด้วยภาพลักษณ์ชัดเจน นำเสนอสินค้าคุณภาพสูงในรูปแบบที่แตกต่าง
- พรีเซนเตอร์คนแรก “คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส” สำหรับสูตร Gold เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ความหรูหราและเชื่อมโยงกับความเป็น Global Brand
- Integrated 360° Campaign “Paint the Town RED” ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท สร้างกระแสผ่านสื่อ Out-of-Home (เช่น LED ตึกใบหยก) จับมือ EM District และแบรนด์สกินแคร์ระดับโลก Kiehl’s ทำ Co-Promotion
- Affiliate Marketing & TikTok Shop เป็นช่องทางหลักสร้างยอดขาย โดย Insight Data จาก TikTok ชี้ว่าโมเดล “ปักตะกร้า” ช่วยเร่ง Conversion ได้จริง
- Big Campaign “9.9” ตั้งเป้ายอดขายเดือนกันยายน 100 ล้านบาท พร้อม Live มาราธอน ที่ตั้งเป้ายอดขาย 30 ล้านบาท และแจกของรางวัล Luxury มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท สร้างทั้งยอดขายและ Brand Engagement
เมย์และจี๋บอกว่า 4 เดือนสุดท้ายของปี BioActive+ เตรียมเดินหน้าขยายตลาดเต็มกำลัง ด้วยกลยุทธ์ Omnichannel Expansion โดยจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 SKUs พร้อมใช้งบการตลาดเพิ่มเติมเพื่อสร้าง Awareness และทดลองซื้อ ควบคู่กับการใช้ Data-Driven Marketing & Personalization ผ่าน CRM เพื่อนำเสนอแคมเปญเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะบุคคล (Remarketing & Personalized Campaigns) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดการขาย
ทั้งนี้ยังมีแผนขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อบ้านอย่าง ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ในเดือนกันยายน, ประเทศจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน หลังจากก่อนหน้านี้บุกประเทศ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา อิรัก และอาหรับเอมิเรตส์ มาแล้ว
สำหรับคนไทย เธอแง้มว่าในสิ้นปีนี้ จะได้เห็น BioActive+ วางขายที่ 7-11 แบบ 1 ชิ้นคล้ายครีมซอง ชิ้นละ 59-79 บาท
เมื่อ Marketeer ถามคำถาม “รวยมาจากไหน?” กับเมย์โดยตรง เธอให้คำตอบว่า
“เมย์เป็นคนที่ขยันมาก ถ้าทุกคนได้เห็นว่าในหนึ่งวันเมย์ทำงานอะไรบ้าง คงไม่แปลกใจว่าเมย์รวยมาจากไหน เพราะเมย์ทำงานเยอะ ทำสุดทุกเรื่อง ลงสนามเองตลอด ที่สำคัญคือเมย์มีวินัยและเต็มที่เสมอ และบริษัทต่างเป็นชื่อเราเองทั้งหมด การใช้จ่ายจึงเป็นอิสระ”
BioActive+ จะทำให้ รีโว่เมด กรุ๊ป กลับมาทำกำไรอีกครั้งหรือไม่? ดูกันยาวๆ
