วันนี้เราได้ผู้เล่นใหม่เข้ามาในวงการร้านซูชิสายพานอีกเจ้าอย่าง Hama Sushi ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้ว
โดยเจ้าของ Hama Sushi ก็คือ Zensho Holding เจ้าพ่อเครือร้านอาหารที่อยู่เบื้องหลัง ร้านอาหารชื่อดังจำนวนมาก ที่ใครเคยไปญี่ปุ่นต้องรู้จัก เช่น ร้านข้าวหน้าเนื้อ Sukiya ร้านดงบุริ Nakau หรือร้านแฮมเบอร์เกอร์ Lotteria
สิ่งที่น่าสนใจคือ Zensho เป็นบริษัทร้านอาหารแห่งแรกในญี่ปุ่นที่ทำรายได้ทั่วโลกทะลุ 1 ล้านล้านเยนในปี 2025 (3 แสนล้านบาท) และราคาหุ้นทำจุดสูงสุด (All-Time High) ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
แล้วประวัติของ Zensho Holding มีความเป็นมายังไง มีรายได้จากไหนบ้าง
หาคำตอบได้ที่นี่
Zensho Holdings ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดย Kentaro Ogawa โดยเริ่มต้นจากแนวคิดง่ายๆ – ร้านอาหารที่สะอาด ราคาไม่แพง และเข้าถึงทุกคน เริ่มจากการทำข้าวกล่อง ก่อนจะค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร
ร้าน Sukiya คือลูกคนแรกที่ออกสู่สนาม เปิดตัวด้วยเมนูข้าวหน้าเนื้อราคาประหยัด ทั้งๆ ที่ในตลาดมีคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Yoshinoya และ Matsuya รออยู่แล้ว
แต่ Sukiya ก็สามารถสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็วทั่วญี่ปุ่น ด้วยเมนูที่หลากหลายและการเล่นเกมเจาะกลุ่มครอบครัว
หลังจากนั้นในช่วงปี 1990-2000 นับเป็นยุคทองของบริษัท จำนวนสาขาทะยานขึ้นเป็นหลายพันแห่งทั่วประเทศ โฟกัสไปที่ย่านซานเมืองและในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก พร้อมเพิ่ม Drive-Through ในหลายสาขาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์คนยุคนั้น
แต่ Zensho ไม่หยุดเพียงเท่านั้น บริษัทได้เข้าซื้อหรือเปิดตัวแบรนด์ร้านอาหารอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก ทั้งในกลุ่ม casual dining และ family restaurant เช่น Coco’s Japan, Big Boy, Nakau (อุด้งและข้าวหน้าเนื้อ), และ Jolly-Pasta ทำให้สามารถเจาะตลาดที่หลากหลายเกินกว่าธุรกิจข้าวหน้าเนื้อ
นอกจากนี้ยังมี สาขาในตลาดต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐฯ จีน และบราซิล รวมแล้ว 10,000 มากกว่าสาขาทั่วโลก
หากไปดูงบการเงินก็จะพบว่าทั้งรายได้และกำไรเติบโตในระดับที่สูงมาก ทั้งที่มียอดขายเกินหนึ่งล้านล้านเยนแล้วก็ตาม
ปี 2022 รายได้ 0.66 ล้านล้านเยน (+10.7% YoY) กำไร 1.39 หมื่นล้านเยน (+513.9% YoY)
ปี 2023 รายได้ 0.78 ล้านล้านเยน (+18.4% YoY) กำไร 1.33 หมื่นล้านเยน (-4.3% YoY)
ปี 2024 รายได้ 0.97 ล้านล้านเยน (+23.8% YoY) กำไร 3.07 หมื่นล้านเยน (+131.4% YoY)
ปี 2025 รายได้ 1.14 ล้านล้านเยน (+17.7% YoY) กำไร 3.93 หมื่นล้านเยน (+28.0% YoY)
ปี 2026 (หกเดือน) รายได้ 0.61 ล้านล้านเยน (+9.9% YoY) กำไร 2.33 หมื่นล้านเยน (-6.5% YoY)
*งบการเงินของ Zensho ปิดรอบปีเดือนมีนาคม เช่น ปี 2025 คืองบเดือน เมษายน 2024-มีนาคม 2025
สัดส่วนรายได้แบ่งตามเครือร้านอาหาร:
19.7% Sukiya
16.5% Hama Sushi
20.9% กลุ่มร้านอาหาร Fast Food
10.4% กลุ่มร้านอาหารทั่วไป
5.1% ร้านสะดวกซื้อ
27.4% บริษัทผลิตอาหาร จัดหาวัถุดิบและอื่นๆ
สัดส่วนกำไรแบ่งตามเครือร้านอาหาร:
31.7% Sukiya
27.7% Hama Sushi
37.8% กลุ่มร้านอาหาร Fast Food
14.8% กลุ่มร้านอาหารทั่วไป
-2.3% ร้านสะดวกซื้อ
-9.6% บริษัทผลิตอาหาร จัดหาวัถุดิบและอื่นๆ
เครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตมาจาก 3 ธุรกิจหลัก คือ Sukiya, Hama Sushi และกลุ่มร้าน Fast Food
โดยเฉพาะ Hama Sushi ที่กำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ขยายสาขาถึง 70 สาขาในปี 2025 พร้อมยอดขายต่อสาขาที่ยังเติบโต และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในงบปีล่าสุดกำไรพุ่งถึง +87% YoY
ซึ่งเป็นเหตุให้กำไรของบริษัทเติบโตแตะจุดสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นก็ตามติดทำ All-Time-High ไปเช่นกัน
แล้ววันนี้ Hama Sushi ได้มาเปิดตัวในเมืองไทยเป็นครั้งแรกแล้ว เราจึงอยากย้อนประวัติสั้นๆ ของร้านซูชิสายพานเจ้าดังนี้กัน
Hama Sushi เกิดในปี 2002 ท่ามกลางตลาดที่มีคู่แข่งเต็มไปหมด โดยในช่วงเวลานั้นตลาดซูชิสายพานก็มีผู้เล่นรายอื่นๆ อยู่ในตลาดอยู่แล้ว
ซึ่งโดยกลยุทธ์หลักในช่วงเวลานั้นคือ ที่ทำให้ Hama Sushi สามารถเจาะตลาดเข้าได้ คือราคาที่เข้าถึงง่ายที่มีคุณภาพ
ภาพจำคือซูชิสองคำในราคาเพียง 100 เยน แต่คุณภาพที่เทียบกับในตลาดได้เลย ซึ่งการที่จะทำราคาถูกขนาดนี้ได้ก็มาจากระบบการหาวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพของเครือ Zensho ที่มีระบบโลจิสติกส์ที่เพียบพร้อมอยู่แล้ว ทำให้สามารถบีบต้นทุนลงได้ พร้อมตั้งราคาที่สามารถแข่งขันในตลาดได้
และเมื่อร้านประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ก็รีบเร่งขยายสาขาไปทั่วประเทศเพื่อสร้างการรับรู้ในประเทศ และยิ่งสาขาเยอะ ยิ่งได้ประโยชน์จาก Economy of Scale มากขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบและการส่งก็ถูกลงไปอีก
จนวันนี้ Hama Sushi โตจนมี 750 สาขาทั่วโลก โดยในญี่ปุ่นมีถึง 650 สาขา ส่วนที่เหลือกระจายไปต่างประเทศ
และทั้งหมดนี่คือเรื่องราวของ Zensho Holdings เจ้าพ่อร้านอาหารญี่ปุ่นที่กำลังมาแรง และ Hama Sushi ที่พร้อมจะสร้างรอยประทับใหม่ให้กับตลาดไทย
