เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของวงการต่างๆ ในช่วงปลายปี ที่ต้องคาดการณ์ถึงเทรนด์ที่เกิดขึ้นในปีหน้า โดยสำหรับวงการท่องเที่ยวนี่คือเทรนด์ที่จะมาแรงในปี 2026 ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เรื่องเอไอ ไปจนถึงการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มต่างๆ ที่แยกย่อยมากยิ่งขึ้น
Gen AI over admin
เทรนด์แรกที่จะได้เห็นกันในปี 2026 คือการใช้เอไอมาเป็นผู้ช่วยหลักในการวางแผนท่องเที่ยว ซึ่งก็ถือเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีดังกล่าวในชีวิตประจำวันนั่นเอง

ข้อมูลจาก Amadeus บริษัทที่ปรึกษาและเก็บข้อมูลในธุรกิจท่องเที่ยวเผยว่า นักเดินทางจำนวนมากขึ้นใช้เอไอในการวางแผนและจองทริป ซึ่งก็กระตุ้นให้แพลตฟอร์มดังๆ ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่าง Expedia และ Booking.com ต้องนำเอไอใส่เข้ามาในระบบมากขึ้นด้วย
ทว่าเทรนด์นี้ก็มาพร้อมข้อพึงระวัง เพราะเอไออาจแนะนำแหล่งท่องเที่ยวอิงตามสถานที่ยอดนิยมซ้ำๆ กัน จนทำให้ปัญหาการท่องเที่ยวล้นเกิน (Overtourism) รุนแรงยิ่งขึ้น และอาจถูกมิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางหลอกลวงก็เป็นได้
Quiet over everything
เทรนด์ต่อมาที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2026 คือ “Quietcations” หรือ “Hushpitality” ซึ่งเป็นการเดินทางที่มุ่งเน้นความสะดวกสบาย ความเงียบ และการหลีกหนีจากความเครียดสะสมในชีวิตสมัยใหม่ และการเปิดรับการแจ้งเตือนอุปกรณ์สื่อสารตลอดเวลา จนกระตุ้นให้ผู้คนหาทางพักหรือตัดขาดจากการสื่อสาร
Hector Hughes ผู้ร่วมก่อตั้ง Unplugged ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนเพื่อบำบัดการเสพติดสื่อดิจิทัลในสหราชอาณาจักร ยืนยันถึงเทรนด์นี้ว่า ปัจจุบันลูกค้าแน่นมาก และทุกคนล้วนล้าจากการเสพติดสื่อดิจิทัล ต่างจากเมื่อปี 2020 ซึ่งเปิดกิจการใหม่ๆ ที่แทบไม่มีลูกค้าเลย เพราะขณะนั้น ยังมองกันว่าปัญหานี้ไม่น่าจะรุนแรง

เทรนด์นี้ก็กำลังโตในเอเชีย เช่นที่ ญี่ปุ่น ที่มีการปรับเปลี่ยนโรงเรียนเก่าที่ถูกทิ้งร้างให้เป็นโรงแรม สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย
Trust over choice
อีกเทรนด์ท่องเที่ยวที่จะเห็นกันมากขึ้นคือ การซื้อแพ็กเกจแบบครบวงจร ที่บริษัทท่องเที่ยวหรือโรงแรมจัดไว้ให้ เพราะคนทุกวันนี้ เหนื่อยล้าจากต้องตัดสินใจมากมายอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน และอยากให้มีใครมารับหน้าที่นี้ไปแทนทั้งหมด
เทรนด์นี้ยังสร้างสีสันและความตื่นเต้นให้กับทริปท่องเที่ยวอีกด้วย เช่น โรงแรม Susana Balboa’s Winemaker’s House & Spa Suites ได้เปิดบริการ Mystery Travel ที่ออกแบบมาเพื่อขจัดความเครียดจากการจองและสร้างความประหลาดใจ
Roads over runways
เทรนด์ท่องเที่ยวที่ 4 ซึ่งจะมาแรงในปี 2026 คือ การขับรถลัดเลาะเที่ยวชิม-ชม-ช้อปไปแทนที่จะขับขึ้นทางด่วนเพื่อตรงไปยังจุดหมายเลย โดยตามคาดการณ์ของเครือโรงแรม Hilton ระบุว่า Road Trip จะฮิตมากขึ้นหลังปี 2025 มีการติดแฮชแท็ก #RoadTrip มียอดการแท็กทั่วโลกมากกว่า 5.9 ล้านครั้ง

ส่วนปัจจัยที่ทำให้เทรนด์นี้ขยายตัว มาจากความต้องการในการประหยัดค่าเดินทาง ดื่มด่ำกับวิวข้างทาง ได้ใช้เวลาร่วมกันกับเพื่อนและครอบครัวที่อยู่ในรถ ประกอบกับปัจจุบันร้านข้างทางก็ยกระดับขึ้นมาผ่านการติดดาวความอร่อย
Ultra personalised over one-size-fits-all
ยุคของการจองทริปตามๆ กัน หรือบริษัททัวร์จัดทริปเหมารวมแล้วหวังว่าจะถูกคนทั้งหมด (one-size-fits-all) กำลังจะหมดไป โดยเทรนด์ที่ขึ้นมาแทนคือ การจัดทริปแบบเฉพาะกลุ่มซึ่งตีวงให้แคบเข้ามาเรื่อยๆ (Ultra personalised)
เทรนด์นี้สะท้อนออกมาผ่านทาง ชื่อทริปเฉพาะกลุ่มอย่าง ทริปสำหรับผู้ที่หย่าร้าง, ทริปเยียวยาความโศกเศร้า, ทริปพักผ่อนสำหรับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน ไปจนถึงการเดินทางสำหรับผู้สนใจเฉพาะด้าน เช่น วันหยุดเล่นกีฬาแร็กเกต หรือทัวร์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบแมลง
กูรูในวงการท่องเที่ยวมองว่า เทรนด์นี้มาจากความต้องการเอาใจของผู้คนในกลุ่มต่างๆ และบริษัทในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็พร้อมเสิร์ฟเพื่อเปิดรับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ
Off-grid over tried-and-tested
เทรนด์ท่องเที่ยวที่ 6 ในปี 2026 คือการเที่ยวนอกแผนที่ หรือไปหาที่เที่ยว-ร้านลับใหม่ๆ หลังผู้คนพากันหันหลังให้กับสถานที่ยอดนิยมที่แออัด เพราะเคยผิดหวังจากการ “ไม่ตรงปก” ของภาพที่เห็นจากสื่อออนไลน์เมื่อไปสัมผัสเข้าจริงๆ
นี่ทำให้แหล่งท่องเที่ยวแปลกใหม่ๆ ของประเทศต่างๆ อย่าง เมืองโทเลโดในสเปน, เมืองบรันเดนบูร์กในเยอรมนีของยุโรปได้รับความนิยม เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวในไทยเองที่พากันไปเมืองรองกันมากขึ้น
Culture over hedonism
มาถึงเทรนด์สุดท้ายที่จะได้เห็นกันมากขึ้นในปี 2026 นั่นคือทริปเที่ยวตามรอยคอนเทนต์ต่างๆ ของบรรดาแฟนตัวยงหรือนักท่องเที่ยวทั่วไปที่อยากเปิดประสบการณ์ ซึ่งต่อเนื่องมาจากทัวร์ห้องสมุดของกลุ่มนักอ่านจาก TikTok (Booktokker) และทัวร์ตามรอยหนัง-ซีรีส์นั่นเอง
เทรนด์ดังกล่าวยังทำให้โรงแรมในบางประเทศปรับตัว จัดมุมอ่านหนังสือพร้อมหนังสือหายากไว้ดึงดูด Booktokker ที่อยากเข้ามาดูหรือถ่ายคอนเทนต์

ท่ามกลางคาดการณ์ว่า เมืองและประเทศที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำของหนังฟอร์มใหญ่ซึ่งออกฉายปี 2026 อย่าง เมือง คอร์นวอลล์ ในอังกฤษ (สถานที่ถ่ายทำซีรีส์ Harry Potter) และกรีซ (สถานที่ถ่ายทำหนัง The Odyssey ของ Christopher Nolan) จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น / bbc
