จากสื่อบันเทิงที่เคยเงียบหายไปจนเกือบเป็นเพียงของรักของหวงเฉพาะกลุ่ม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อสูง แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ แผ่นเสียงไม่เพียงแค่ฟื้นคืนชีพกลับมา แต่ยังถือได้ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีนัยสำคัญ
ขาขึ้นดังกล่าวน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเกิดจากพลังของคนรุ่นใหม่แล้ว จุดประสงค์ของการซื้อกลับไม่ใช่เพื่อ “ฟังเสียง” แต่เป็นเพราะความ “สวยงาม”
ข้อมูลจากรายงาน Audio Tech Lifestyles ที่สำรวจตลาดแผ่นเสียงในใหญ่ๆ อย่าง สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร เยอรมนี จีน และญี่ปุ่น ระบุว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ยอดขายเฉลี่ยเติบโตถึง 18% ต่อปี โดยลูกค้าราว 40% เป็นกลุ่ม Gen Z และที่น่าประหลาดใจคือ พวกเขาซื้อแผ่นเสียงไปทั้งที่ไม่มีเครื่องเล่นเลยด้วยซ้ำ

นี่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนว่า คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยมองแผ่นเสียงเป็น “ของสะสม” ไปแล้ว โดย อีริน ดาวิลา ชาวอเมริกันในฟลอริดา หนึ่งในตัวแทน Gen Z กล่าวถึงความรู้สึกต่อของสะสมของเธอว่า แผ่นเสียงคือความสุขที่จับต้องได้ และเป็นการแสดงออกถึงการเป็นแฟนตัวยงของศิลปินคนโปรด ผ่านการนำมาวางโชว์บนชั้นวางหรือประดับไว้บนผนังห้อง
เธอยังเผยอีกว่า ปัจจุบันเธอและสามีมีความสุขมากที่ได้ชื่นชมแผ่นเสียงที่มีสะสมรวมกันเกือบ 1,000 แผ่น และมักจะโพสต์โชว์คอลเลกชันที่จัดวางบนผนังลงโซเชียลมีเดียเป็นประจำ
ศิลปินที่เป็นหัวหอกในการปลุกกระแสนี้คือ เทย์เลอร์ สวิฟต์ โดยเธอเปลี่ยนอัลบั้มเพลงให้กลายเป็น “งานศิลปะ” ที่แฟนคลับต้องตามเก็บสะสม เช่น อัลบั้ม Midnights ที่มีปกหลังถึง 4 แบบ ซึ่งเมื่อนำมาวางต่อกันจะกลายเป็นรูปนาฬิกาขนาดใหญ่

เด็กซ์เตอร์ เฟือง คอนเทนต์ครีเอเตอร์วัย 25 ปี เป็นอีกคนหนึ่งที่ใช้แผ่นเสียงในการตกแต่งห้องตามฤดูกาล เขาเล่าว่าหากเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง เขาจะเลือกอัลบั้ม Red ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ขึ้นมาโชว์เพื่อให้เข้ากับโทนสีส้มและเขียวของซีซั่น โดยที่แทบไม่ได้นำมาเปิดฟังเลยแม้ว่าจะมีเครื่องเล่นก็ตาม เพราะเขามองว่ามันคืองานศิลปะมากกว่าเครื่องบันทึกเสียง
เจเรด วัตสัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก วิเคราะห์ว่า การที่ Gen Z ยอมจ่ายเงินซื้อแผ่นเสียงราคาหลักพัน เป็นรูปแบบหนึ่งของการให้รางวัลตัวเอง เนื่องจากเป้าหมายใหญ่ในชีวิตอย่างการซื้อบ้านหรือการแต่งงานทำได้ยากขึ้นในยุคปัจจุบัน
ส่วนหากมองผ่านเลนส์ทางการตลาด เทรนด์การซื้อแผ่นเสียงเพราะความสวยงามแทนการฟังเสียงนั้น ถือเป็นการ “บริโภคเชิงสัญลักษณ์” เพื่อประกาศตัวตนว่าเป็นแฟนคลับตัวยง
นอกจากนี้ เทรนด์การใช้แผ่นเสียงเป็นของตกแต่งยังส่งผลให้ตลาดแผ่นเสียงมือสองเติบโตตามไปด้วย โทนี่ เบเกอร์ วัย 27 ปี เล่าว่าเขาพร้อมจะซื้อแผ่นที่ถูกใจทันทีหากเจอราคาที่เหมาะสม แล้วค่อยไปบริหารจัดการงบประมาณในภายหลัง เขาเคยยอมควักเงินถึง 100 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,500 บาท) เพื่อซื้ออัลบั้มในตำนานของ โทนี่ แบรกซ์ตัน

ขณะที่ เพย์ตัน ดาวิลา นักสะสม Gen Z อีกราย มองว่าการตระเวนเข้าร้านแผ่นเสียงในละแวกบ้านเพื่อหาแผ่นราคาถูกเปรียบเสมือนการเลือกซื้อเสื้อผ้ามือสอง เพราะนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังช่วยลดการผลิตแผ่นใหม่ที่เกินความจำเป็น (Over-pressed) ซึ่งเป็นการช่วยลดขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมไปในตัว
สุดท้ายแล้ว การกลับมาของแผ่นเสียงในมือ Gen Z ไม่ใช่แค่แฟชั่นที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่สะท้อนถึงการโหยหา “สิ่งที่จับต้องได้” ในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัลเสมือนจริง ไม่ว่าพวกเขาจะรับรู้ข่าวสารเรื่องแผ่นเสียงจากสื่อดั้งเดิมหรือแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok
พร้อมกันนี้แผ่นเสียงยังได้ทำหน้าที่เป็น “รางวัลแห่งความทรงจำ” และเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงตัวตนของแฟนคลับเข้ากับศิลปินที่เขารักอย่างแน่นแฟ้น ซึ่งส่งผลบวกต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมดนตรีในระยะยาว / cnn
