ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โลกของเทคโนโลยีเสียงถูกครอบงำด้วยแนวคิด “ไร้สาย” (Wireless) อย่างเบ็ดเสร็จ ยืนยันได้จาก AirPods และหูฟังบลูทูธ-ไร้สาย ต่าง ๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้ำสมัยและความคล่องตัวที่ตอบโจทย์ชีวิตคนส่วนใหญ่ 

ทว่าท่ามกลางความไฮเทคที่พยายามกำจัด “สาย” ออกจากชีวิต เรากลับได้เห็นปรากฏการณ์ทางที่สวนทางอย่างน่าสนใจ เมื่อเหล่าไอคอนแฟชั่นระดับโลกและคนรุ่นใหม่เริ่มหันหลังให้กับความสะดวกสบายที่จับต้องไม่ได้ แล้วกลับมาซบไอเทมพื้นฐานที่เคยถูกมองว่าล้าสมัยอย่าง หูฟังมีสาย

ปรากฏการณ์นี้ไม่ใช่เพียงแค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่มันคือการประกาศตัวตนผ่านวัตถุแอนะล็อกในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นดิจิทัล และเป็นเครื่องสะท้อนรสนิยมที่ต้องการความแตกต่างจากเทรนด์หลัก 

เทรนด์นี้ปรากฏชัดขึ้นหลังคนดังขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่าง ลิลลี่-โรส เดปป์, เบลล่า ฮาดิด, เจนนี่ (สมาชิกวง ฺฺBlackpink) ที่มักปรากฏตัวพร้อมสายหูฟัง โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นสีขาวระโยงระยาง จนกลายเป็นภาพจำใหม่ในหน้าสื่อแฟชั่นอย่างรวดเร็ว

แดเนียล โรเจอร์ส บรรณาธิการข่าวแฟชั่นจาก British Vogue วิเคราะห์ว่านี่คือลุคแบบ “Nonchalant” หรือความเท่ที่ดูเหมือนไม่ตั้งใจ ซึ่งสายหูฟังเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเครื่องประดับที่ทรงพลังและมีนัยสำคัญมากกว่าแค่เครื่องมือฟังเพลง

มันสร้างภาพลักษณ์ของคนที่ “มีโลกส่วนตัว” และ “ไม่วิ่งตามเทคโนโลยีจนเกินไป” โดยเฉพาะในมุมมองของคนทำงานศิลปะที่มองว่าสายหูฟังคือสัญลักษณ์ของการปลีกตัว จากสังคมที่เร่งรีบและระบบทุนนิยมที่บีบให้เราต้องอัปเกรดอุปกรณ์อยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังเป็นเหมือนการขึ้นป้ายเตือนว่า “Do Not Disturb” หรืออย่ารบกวนที่บอกให้โลกภายนอกรู้ว่าผู้ที่ใช้หูฟังแบบมีสายกำลังตัดขาดจากความวุ่นวายและดำดิ่งอยู่ในสุนทรียภาพของตัวเองอย่างแท้จริง

เทรนด์นี้ยังตอกย้ำด้วยตัวเลขยอดขาย โดยแม้หูฟังไร้สาย จะยังครองตลาดส่วนใหญ่ แต่รายงานจาก Grand View Research ระบุว่า ส่วนแบ่งรายได้ของหูฟังแบบมีสายทั่วโลกในปี 2023 ยังคงรักษาระดับอยู่ที่ประมาณ 36.8% และที่น่าสนใจคือ มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยกว่า 20% 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือยอดขายของหูฟังอย่าง Beats Solo 4 ในแบบครอบหูที่พ่วงฟังก์ชันการเสียบสายได้ มียอดขายพุ่งสูงขึ้นถึง 193% ในรอบปีที่ผ่านมา สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคที่อยากได้ทางเลือกที่มั่นใจได้มากกว่าไร้สายเพียงอย่างเดียว

ขณะที่หูฟังดั้งเดิมอย่าง Apple EarPods ยังคงเป็นสินค้าขายดีอันดับต้น ๆ ในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เนื่องจากราคาที่เข้าถึงง่ายเพียงไม่กี่ร้อยบาท เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีไร้สายที่ต้องจ่ายในราคาหลักพันหรือหลักหมื่น 

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันยอดขายเหล่านี้คือ “ความเหนื่อยล้าทางดิจิทัล” (Digital Fatigue) ที่ผู้บริโภคจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็เบื่อหน่ายกับการที่ต้องคอยพกพาอุปกรณ์ที่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ตลอดเวลา หรือการเผชิญกับปัญหาการเชื่อมต่อบลูทูธที่ติดขัดในเวลาที่ต้องการใช้งานเร่งด่วน

นอกจากนี้ เรื่องคุณภาพเสียงก็เป็นประเด็นหลักที่ทำให้กลุ่ม “Audiophile” หรือนักฟังเพลงตัวจริงยังคงเหนียวแน่นกับหูฟังมีสาย เพราะสายสัญญาณให้การส่งผ่านข้อมูลเสียงที่เสถียรและครบถ้วนกว่าระบบบลูทูธที่มักมีการบีบอัดข้อมูล 

ยิ่งไปกว่านั้น กระแส Retro Tech และ Slow Tech หรือความโหยหาเทคโนโลยีในยุค 80s และ 90s ยังทำให้แบรนด์ต่าง ๆ หันมาผลิตหูฟังที่มีดีไซน์ย้อนยุคแต่มีประสิทธิภาพสมัยใหม่ เช่น FiiO Snowsky Wind ที่ทำเลียนแบบหูฟัง Sony Walkman ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากกลุ่ม Gen Z

แม้แต่ข้อเสียที่เคยถูกล้อเลียนอย่าง “สายที่พันกันยุ่งเหยิง” ในกระเป๋า ก็ยังถูกตีความใหม่ให้กลายเป็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ 

ฮันนาห์ ลา ฟอลเล็ตต์ ไรอัน ช่างภาพเจ้าของโปรเจกต์ SubwayHands เปรียบเทียบไว้อย่างน่าสนใ โดย เธอเปรียบว่ารอยพันของสายหูฟังเหมือน เกมฝึกสมองแบบง่ายๆ ที่ให้โอกาสเราได้หยุดนิ่งและใช้สมาธิแก้ปมสั้น ๆ ก่อนจะเข้าสู่ความสุนทรีย์ของการฟังเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หูฟังไร้สายไม่สามารถมอบให้ได้

นอกจากนี้ในเชิงความสัมพันธ์ หูฟังมีสายยังเป็นสัญลักษณ์ของความใกล้ชิด การได้ “แบ่งหูฟังคนละข้าง” กับเพื่อนหรือคนรัก ยังคงเป็นภาพโรแมนติกที่เทคโนโลยีไร้สายทำได้ไม่เป็นธรรมชาติเท่ากับการเชื่อมโยงด้วยสายเส้นเดียวกันอีกด้วย 

จากทั้งหมดจึงกล่าวได้ว่า การกลับมาของหูฟังมีสายคือเครื่องยืนยันว่า เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของคนส่วนใหญ่เสมอไป

เพราะท้ายที่สุดความเรียบง่ายมักจะมีเสน่ห์ที่ยั่งยืนกว่าความซับซ้อน และเสน่ห์ที่แท้จริงอาจไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือความล้ำของเทคโนโลยี แต่อยู่ที่ว่าอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ใช้สามารถพาเราหลีกหนีจากเสียงรบกวนของสิ่งรอบตัว ไปเพลงที่โปรดปรานรวมไปถึงคอนเทนต์บันเทิงต่างๆ ได้ดีเพียงใด / theguardian 


ติดตามนิตยสาร Marketeer ฉบับดิจิทัล
อ่านได้ทั้งฉบับ อ่านได้ทุกอุปกรณ์ พกไปไหนได้ทุกที
อ่านบน meb : Marketeer