ตลาดลูกอม 2561 พร้อมวิเคราะห์เทรนด์การบริโภคลูกอมของคนไทย
มอนเดลีซ หรือ ที่รู้จักกันในนาม “ลูกอมฮอลล์” ไม่เคยเปิดโรงงาน ไลน์การผลิต และเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พา “สื่อมวลชน” เข้าเยี่ยมชม Marketeer จึงไม่พลาดโอกาสนี้ ขอ “งัด” ประตูโรงงานที่แสนหนาเตอะเข้าไปเปิดเผยข้อมูล เพราะนี่คือครั้งแรกที่เราจะได้เห็นและรับรู้ข้อมูลของยานแม่ที่ผลิตลูกอมและหมากฝรั่งปีละเกือบ 4 หมื่นตัน ณ โรงงานมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง
เผยความลับกำลังการผลิต
เพื่อให้การงัดประตูโรงงานครั้งนี้ได้ข้อมูลมานำเสนอเยอะที่สุด เราเลยบุกไปเจอ จิรพงษ์ เจริญศรี ผู้จัดการโรงงาน บริษัท มอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ได้เล่าให้เราฟัง ดังนี้
โรงงานมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง เริ่มดำเนินการผลิตเมื่อ พ.ศ.2550 เป็นโรงงานผลิตลูกอมและหมากฝรั่งที่ใหญ่ที่สุดของมอนเดลีซในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา มีพนักงานกว่า 680 คน เป็นฐานการผลิตลูกอมและหมากฝรั่งแบรนด์ระดับโลกกว่า 200 ผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ฮอลล์, เดนทีน, คลอเร็ท, ไทรเด้นท์ และ สไตรด์ เป็นต้น
และมีศักยภาพในการผลิตมากกว่า 39,000 ตันต่อปี แบ่งเป็นลูกอม 60 เปอร์เซ็นต์และหมากฝรั่ง 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยัง 15 ประเทศทั่วเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ครอบคลุมตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลี จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการลงทุนเพื่อขยายและพัฒนาสินค้าใหม่แบบครบวงจร และมีระบบการจัดการด้านคุณภาพและมาตรฐานการผลิตในทุกขั้นตอนตามกฎหมาย ข้อจำกัด และมาตรฐานของแต่ละประเทศที่ส่งออกไปอย่างเคร่งครัด
“ในแต่ละปีเราผลิตลูกอมได้ประมาณ 25,000 ตัน คิดเป็นวันละ 3-4 ล้านเม็ดต่อวัน และหมากฝรั่งปีละ 14,000 ตัน โดยแบ่งเป็น 63% ส่งออกไปยังต่างประเทศ และอีก 37% ขายในประเทศไทย” เขากล่าวเพิ่มเติม
“ลูกอม” กับน้ำตาลที่ยังต้องมี
ในแต่ละปีการผลิตลูกอมมากกว่าหมากฝรั่งเป็นจำนวนมากนั้นมาจากการบริโภคของผู้บริโภคที่นิยมบริโภคลูกอมมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องเคี้ยว เพียงแค่แกะและอมก็จะได้ความหวานที่ต้องการ
จากตารางจะเห็นได้ว่า การผลิตลูกอม 25,000 ตัน นั้น 80% ยังคงผลิตลูกอมที่มีน้ำตาล และอีก 20% ผลิตแบบไม่มีน้ำตาลนั้นมาจากการที่โรงงานแห่งนี้ส่งออกเป็นจำนวนมากและประเทศที่ส่งไปผู้บริโภคเหล่านั้นต้องการความหวานจากน้ำตาลมากกว่าสารทดแทน ซึ่งถ้าลองอมจะสังเกตได้ชัดเจนว่าความหวานจากน้ำตาลและสารทดแทนนั้นต่างกันมาก
“ด้านเทรนด์ของประเทศไทยนั้นต่างจากประเทศที่ส่งออกเป็นอย่างมาก เมื่อ 3-5 ปีก่อนเราผลิตลูกอมไร้น้ำตาลแค่ 8-9% จากทั้งหมด แต่ในปี 2560-2561 นี้ กลับมีสัดส่วนผลิตที่เพิ่มขึ้นมากถึง 20% เนื่องจากคนไทยนิยมบริโภคลูกอมแบบไม่มีน้ำตาลมากกว่า เนื่องจากห่วงเรื่องสุขภาพ” จิรพงษ์ เจริญศรี กล่าว
จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เห็นได้ว่าเทรนด์การบริโภคลูกอมของคนไทยนั้นสวนทางกับต่างชาติที่มอนเดลีซส่งออกไป ต่างชาติยังต้องการบริโภคลูกอมที่มีน้ำตาล แต่คนไทยกลับห่วงเรื่องสุขภาพและบริโภคแบบไม่มีน้ำตาลมากขึ้น ซึ่งแต่ก่อน ฮอลล์เหลืองจะมีการผลิตมากที่สุด แต่ปัจจุบัน Halls XS กลับมีการผลิต และจัดจำหน่ายแก่คนไทยมากที่สุด เนื่องจากเทรนด์สุขภาพนั่นเอง
“หมากฝรั่ง” ต้องไม่มีน้ำตาล
มาทั้งทีต้องครบไลน์การผลิต เราเลยพามาเจาะไลน์การผลิตหมากฝรั่งเพิ่มเติม โดยหมากฝรั่งใน 1 ปี โรงงานมอนเดลีซ อินเตอร์เนชันแนล นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ได้ผลิตประมาณ 14,000 ตัน แบ่งเป็นแบบไม่มีน้ำตาล 70-80% และแบบมีน้ำตาล 20-30% เห็นได้ว่าในส่วนนี้สวนทางกับลูกอม
ถ้าถามว่าทำไม จิรพงษ์ให้ข้อมูลว่า “การที่กำลังการผลิตลูกอมมากกว่าหมากฝรั่งเกือบเท่าตัวนั้นมาจากที่ผู้บริโภคเริ่มไม่ค่อยอยากเคี้ยว โดยเฉพาะผู้บริโภคชาวไทยที่ไม่อยากเคี้ยวหมากฝรั่งเนื่องจากกลัวกรามโต ซึ่งเป็นความเชื่อในด้านรูปลักษณ์ความงาม ส่วนผู้บริโภคในต่างประเทศที่เราส่งออกกลับชอบอมลูกอมที่มีน้ำตาล แต่ไม่ชอบเคี้ยวหมากฝรั่งแบบมีน้ำตาลเนื่องจากจะรู้สึกปวดฟัน”
ในประเทศไทยคนไทยนิยมเคี้ยวหมากฝรั่งแบบไม่มีน้ำตาลมากกว่าที่มีน้ำตาลเนื่องจากเทรนด์สุขภาพเช่นเดียวกับลูกอมนั่นเอง แต่ในต่างประเทศนั้นสามารถบริโภคได้ทั้ง 2 อย่าง ทั้งแบบมีน้ำตาลและไม่มีน้ำตาล แต่ส่วนใหญ่จะเลือกบริโภคแบบไม่มีน้ำตาลมากกว่า
ติดตามการพาชมโรงงานได้จากที่นี่ คลิกเบาๆ เพื่อรับชม
ครั้งแรก! “มอนเดลีซ” พาเปิดโรงงาน ที่มีกำลังการผลิตลูกอมกว่า 3 ล้านเม็ดต่อวัน!
อัพเดตข่าวสารการตลาดทุกวันได้
Website : Marketeeronline.co /
ติดตาม Marketeer ได้หลากหลายรูปแบบ