5 กลยุทธ์ปรับพอร์ตการลงทุนของ “KBank Private Banking” รับมือตลาดผันผวน
จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงผลการดำเนินงานธุรกิจ Kbank Private Banking ปี 2562 โดยมีจำนวนลูกค้า 11,600 ราย หรือ 7,000-8,000 ครอบครัว (จากลูกค้าของธนาคารฯ ทั้งหมด 15 ล้านคน) สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมดประมาณ 7.5 แสนล้านบาท เติบโต 0.2% โดยมีสินทรัพย์ลงทุนรวม 4.5 แสนล้าน เติบโต 7% และมีการลงทุนสินทรัพย์ซับซ้อน เติบโต 24.7%
อย่างไรก็ตาม KBank Private Banking จะรับดูแลลูกค้าตั้งแต่ 1.5 ล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 50 ล้านบาท แต่ปัจจุบันบริษัทดูแลสินทรัพย์ที่เป็นตัวเงินให้ลูกค้าเฉลี่ย 70 ล้านบาทต่อคน
จิรวัฒน์กล่าวอีกว่า ในปี 2562 ตลาดลงทุนโลกมีความผันผวนสูงและเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักร Late Cycle ธนาคารจึงเน้นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนและเพิ่มความหลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงผ่านกลยุทธ์กองทุนแบบผสมที่ใช้กรอบความเสี่ยงควบคุม (Risk-based allocation) ควบคู่กับการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก อาทิ ทองคำ และหุ้นนอกตลาด
โดยการเติบโตของพอร์ต K-Alpha อยู่ที่ 12.5% ความเสี่ยงของพอร์ตที่ 4.5% และผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยของความเสี่ยงพอร์ต K-Alpha สูงถึง 2.8 เท่า
สำหรับปี 2563 ตัวเลขเศรษฐกิจโลกยังส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง ยังคงความผันผวนสูง ประกอบกับความตื่นตระหนกของตลาดจะทำให้การลงทุนลำบากมากขึ้น
โดยกลยุทธ์การลงทุน 5 ด้านเพื่อรับมือกับตลาดปี 2563 มีดังนี้
(1) กระจายความเสี่ยงและเพิ่มความคล่องตัวของพอร์ต
(2) ป้องกันพอร์ตด้วยสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และกลยุทธ์การลงทุนแบบ Hedge Fund
(3) เน้นกลยุทธ์ Carry ในกลุ่ม High Yield ที่ให้ดอกเบี้ยสูง
(4) ลงทุนในหุ้นกลุ่มธุรกิจที่ยังมีการเติบโตของกำไรสุทธิ เช่น กลุ่มเฮลท์แคร์ เทคโนโลยี และพลังงาน จนถึงหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่
(5) เพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้นนอกตลาดและโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากมีความผันผวนด้านราคาตามตลาดน้อยกว่ากลุ่มอื่นๆ
–
